แม่ลูกสุดรันทด แก๊งเงินกู้ดอกโหด หยอดกาวกุญแจ ไม่จ่ายไม่ให้เข้าบ้าน!

624 ครั้ง

29 ก.ค. 2565

แชร์ข่าวไปที่

สาวสู้ชีวิต ทำงานเกือบ 24 ชั่วโมง หาเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้โหด จนกระทั่งป่วยโควิด19 ต้องหยุดขายของ 10 วัน พอหายป่วย กลับเข้าบ้านไม่ได้ โดนแก๊งเงินกู้ "หยอดกาว-ล็อกกุญแจบ้าน" ทวงหนี้

ถกไม่เถียง : แม่ลูกสุดรันทด แก๊งเงินกู้ดอกโหด หย

วันที่ 29 ก.ค. 65 โอ ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ ข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ก่อนจะเกิดเหตุตอน 15.00 น. ตนออกไปขายของกับลูกที่ตลาดนัด เพือหาเงินมาจ่ายหนี้ พอ 00.00 น. ตนเดินทางไปตลาดสะพานใหม่ต่อ เพื่อเตรียมของมาทำข้าวกล่องขายตอน 06.00 น. พอเสร็จทุกอย่าง กลับถึงบ้านตอนเวลา 01.00 น. ระหว่างที่กำลังจะเปิดประตูเข้าบ้าน แต่ไม่สามารถไขกุญเข้าไปได้ ส่วนแม่กุญแจอีกอันก็ล็อกไว้ โดยที่ไม่ใช่ของตน พอตนแหงนขึ้นไปก็เห็นป้ายติดว่า "คืนเงินให้กูด้วย โจ๊ก" ตนจึงรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของตน

โดยเจ้าหนี้เจ้านี้ที่มีปัญหา คิดดอก 100 ละ 60 ต่อเดือน ตนยืมเขามา 2 หมื่นบาท แต่ได้จริง ๆ 1.6 หมื่นบาท เขาหักค่าบัญชี แต่ยังไงตนก็ต้องเอา เพราะมีค่าเช่าบ้านที่ต้องจ่าย มีทุนขายของที่ต้องใช้ ตอนที่ตนล้มป่วยไปไม่เหลือทุนเลยสักบาท ขายของมาก็ไม่เหลือเงินเก็บ เพราะคอยจ่ายหนี้รายวันหมด ถ้าไม่จ่ายก็เข้าบ้านไม่ได้ วันไหนจ่ายไม่ครบ เขาก็จะส่งลูกน้องมาเขย่ารั้วบ้าน ปาก้อนหินใส่กระจกบ้าง เคยพาลูกสาวเดินตามป้ายรถเมล์ดึก ๆ เพราะเจ้าหนี้มาดักรอหน้าบ้าน ตนท้อมาก เคยขอให้เขาลดเงิน เขาก็ไม่ยอม ส่งช้าก็โดนค่าปรับ 200 บาท จากดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรายวัน 400 บาท ตอนนี้จ่ายดอกเบี้ยมาสองเดือนแล้ว ที่จ่ายดอกเบี้ยไปก็ท่วมเงินต้นที่ยืมมาแล้ว เงินต้นยังคงเหลือที่ 2 หมื่นบาท

ที่ตนต้องกู้เงินนอกระบบ เนื่องจาก ตนเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ถูกกฎหมาย พร้อมทั้งที่ตนมีหนี้หลายเจ้า เพราะเงินตนไม่พอหมุน และตนยังเคยเซ็นค้ำประกันเงินกู้ให้พี่สาวไว้ด้วย แต่พี่สาวดันล้มป่วย ตนจึงต้องมาใช้หนี้แทนพี่สาวด้วย จึงต้องขายของทั้งวันมาหาเงินใช้หนี้ ลูกสาว 8 ขวบ ก็เดินขายลูกอมที่ตลาดนัด เพื่อหาเงินไปโรงเรียน จากตอนแรกมียอดหนี้ทั้งหมด 1 แสนกว่าบาท ตอนนี้เหลือ 4 หมื่นกว่าบาท กับเจ้าหนี้อีก 4 เจ้า เจ้าอื่นไม่เคยมีปัญหา มีเพียงเจ้านี้ที่มีปัญหามาขึ้นป้ายหน้าบ้าน และหลั่นแกล้งต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ตนเพิ่งหายป่วยจากโควิด 19 หลังจากเกิดเรื่อง เจ้าหนี้ดังกล่าวติดต่อมาว่า "ให้รีบหาเงินมา ถ้าวันหลังไปแจ้งตำรวจ ก็ไปกู้เงินกับตำรวจ"

ที่ตนขอความช่วยเหลือจาก เพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด เพราะตนไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ตอนนั้นสงสารลูกมาก โดนยุงกัดอยู่หน้าบ้านกว่า 3 ชั่วโมง ข้าวก็ไม่ได้กิน เคยขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เลยตัดสินใจไม่เข้าไปสถานีตำรวจ แต่ขอความช่วยเหลือจากสายไหมต้องรอดแทน หลังจากถูกช่วยตอนนี้ตนก็สบายใจขึ้น แต่ก็ยังมีกลัวอยู่บ้าง

ด้าน เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า วันนั้นรับสายตอน 03.00 น. ก็ลงพื้นที่ทันทีเลย โดยผู้เสียหายบอกว่าเขาอยู่หน้าโรงพัก ตนก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่แจ้งความ แต่ก็ไม่เป็นไรยังเด็กก็ต้องนอน เพราะมันดึกมากแล้ว จึงบอกให้เขากลับไปรอที่หน้าบ้าน 10 นาที ตนก็ไปถึง และดำเนินการตัดแม่กุญแจ

เคสนี้มันสะท้อนภาพสังคมปัจจุบันจริง ๆ หลายคนสงสัยว่าตนไปช่วยทำไม อยากไปกู้เงินเขาเอง แต่เคสนี้เขาไม่ได้มีปัญหากับดอกเบี้ยเงินกู้ เขาผ่อนจากแสนกว่าบาท จนเหลือ 4 หมื่น แถมยังช่วยพี่สาวใช้หนี้ด้วย แต่ด้วยที่ตนติดโควิด ต้องหยุดงาน 10 วัน คนหาเช้ากินค่ำมันได้หยุดไป ทำให้หมุนเงินไม่ทัน และมีแค่เจ้าเดียวที่มีปัญหา ให้เขาไปหาเงินมาจ่าย ตัวผู้เสียหายเองก็ไม่กล้ากู้เพิ่ม หากกู้เพิ่มก็จะกลายเป็นงูกินหางอีก ถ้ามองย้อนกลับที่ตัวเรา หากเราผ่อนบ้านผ่อนรถ แต่เดือนนี้เราช๊อต ไม่มีเงินส่ง จนไฟแนนซ์ส่งคนมากระทืบเรา แบบนี้ก็ไม่ถูก เคสนี้ก็เช่นกัน

"เป็นหนี้ต้องใช้ แต่เจ้าหนี้กระทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน" เอกภพ กล่าว

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.อำนาจ กาหลง ผกก.สน.สายไหม เล่าว่า ตอนนี้ได้สอบปากคำ และรวบรวมกล้องวงจรปิดมาประกอบคำพิจารณาแล้ว และจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง มาสอบข้อมูลของผู้ถูกกล่าวหา และเรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อกล่าวหา

สำหรับเคสนี้ เข้าข่ายความผิด การปล่อยกู้ที่เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด และทำให้เสียทรัพย์สิน ในส่วนของการทำลายกุญแจ ในส่วนนี้ก็จะสืบต่อไปว่ามีความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องอีกไหม เช่น บุกรุก