พ่อร้อง ! ลูกตกเป็นแพะคดียาเสพติด ชี้ตำรวจจับผิดตัว

วันที่ 19 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา นายชูชาติ พูลผล อายุ 52 ปี พ่อของนายธนกร พูลผล อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาขนยาเสพติด  มาร้องสื่อว่าลูกชายตกเป็นแพะคดียา มีหลักฐานว่าตำรวจจับผิดตัว  

 

นายชูชาติ เล่าให้ฟังว่า ต้องเหตุการณ์ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 65 มีการจับกุมนายฐากูร อนันตทัศน์ อายุ 33 ปี พร้อมกับยาบ้าจำนวน 162,000 เม็ด บริเวณถนนอุบล-ตระการพืชผล อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี ซึ่งในตอนนั้น มีผู้ก่อเหตุอีกคนได้หลบหนีไปได้ ต่อมาวันที่ 10 ก.พ. 65 ได้มีตำรวจพร้อมกับหมายค้นมาค้นที่บ้านของตนที่ อ.เขมราฐ ซึ่งได้มาตรวจสอบที่บ้านของตน แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการอะไร กระทั่งวันที่ 24 ก.พ.  ตำรวจกว่า 30 นาย ได้มาที่บ้านของตน พร้อมหมายค้นและหมายจับ และถือหมายมาแสดงจับกุมตัวนายธนกร พร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 65 อีก 2 นาย มาชี้ตัวนายธนกรว่าเป็นผู้ก่อเหตุหลบหนีการจับกุม

 

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับ ตนก็รู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะในก่อนหน้านั้น นายธนกร ติดโควิด-19 จากการไปสังสรรค์กับเพื่อน โดยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเขมราฐ ตั้งแต่วันที่ 17-27 ม.ค. 65 ซึ่งในช่วงที่ตำรวจมีการจับกุมยาบ้ากัน ลูกชายของตนก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขมราฐ ซึ่งโรงพยาบาลที่นายธนกรรักษาตัวอยู่ห่างจากจุดจับกุมถึง 89 กิโลเมตร และหากเดินทาง จะต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง 15 นาที ในการเดินทาง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ลูกชายของตนจะไปร่วมก่อเหตุขนย้ายยาเสพติด

 

ขณะเดียวกัน ลูกชายตนยังมีพยานยืนยันเป็นกลุ่มเพื่อนที่ติดโควิด-19 พร้อมกัน และรักษาตัวอยู่ด้วยกันในโรงพยาบาลเขมราฐ ยืนยันได้ว่าในวันที่ 23 ม.ค. 65 นานธนกรรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน และไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากที่ลูกชายถูกจับ ตนก็รีบไปขอกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาล แต่กล้องได้ถูกลบไปแล้ว เนื่องจากเวลาผ่านไปเป็นเดือนหลังจากที่ลูกชายตนได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล 

 

แต่โชคดีที่ทางโรงพยาบาลยังมีข้อมูลการรักษา ทั้งใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าลูกชายเข้ารับการรักษา ตั้งแต่วันที่ 17-27 ม.ค. 65 รวมถึงยังมีบันทึกการรักษาในวันที่ 23 ม.ค. 65 ที่เป็นวันเกิดเหตุ โดยเป็นการตรวจอาการประจำวัน ในเวลา 10.35 น. ซึ่งมีลายเซ็นพยาบาลกำกับว่าลูกชายของตนได้รับการตรวจรักษาในช่วงเวลาดังกล่าวจริง จากช่วงเวลาดังกล่าว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกชายตนจะไปร่วมการขนยาเสพติดด้วย ซึ่งในช่วงที่ติดโควิด-19 ลูกชายต้องได้รับการตรวจทุก 4 ชั่วโมง และในการตรวจอาการอีกรอบในเวลา 14.36 น.

 

หลังจากที่ลูกชายถูกจับ ตนก็พยายามที่จะหาเงินประกันตัว แต่เนื่องจากวงเงินประกันตัวสูงถึง 2 ล้านบาท ตนก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะหาเงินมาใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ประกันตัว โดยลูกชายยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลาง หลังจากที่ลูกชายถูกจับ ตนก็นอนไม่หลับ เพราะยาบ้าจำนวนมากมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต ซึ่งตนยืนยันว่าลูกชายไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แม้แต่เม็ดยาบ้าตนยังไม่เคยเห็นว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามตนอยากให้ความจริงทุกอย่างมันกระจ่าง เพื่อความเป็นธรรมของลูกชายตนด้วย

 

ด้านนายอิสรชัย พูลผล อายุ 28 ปี พี่ชายของนายธนกร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงวันที่ 10 ก.พ. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาสอบถามเรื่องราวของนายฐากูร ผู้ก่อเหตุขนยาเสพติดจากน้องชายของตนที่บ้าน น้องชายก็ให้ข้อมูลไปว่ารู้จักกับนายฐากูร เพราะเป็นคนละแวกบ้าน แต่ไม่รู้ชื่อจริง หลังจากนั้นตำรวจก็กลับไป โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงสัยน้องชายของตน 

 

กระทั่งวันที่ 24 ก.พ. 65 ตำรวจได้นำกำลังพลกว่า 30 คน มาจับนายธนกรถึงที่บ้าน แจ้งข้อหาว่านายธนกรมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และได้พาตำรวจชุดจับกุมเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 65 มาด้วย 2 นาย เพื่อเป็นพยานชี้เป้าว่านายธนกรเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งทันทีที่ตำรวจชุดจับกุม 2 นาย มาเจอกับนายธนกร ก็พยายามถามว่านายธนกรจำเจ้าตัวได้หรือไม่ ซึ่งนายธนกรก็งง เพราะไม่เคยรู้จักกับตำรวจทั้ง 2 นายมาก่อน ซึ่งตำรวจก็พยายามสอบถามอีกว่า "จำไม่ได้จริง ๆ หรือ วันก่อนยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่เลย" ซึ่งนายธนกรก็ยืนยันว่าไม่รู้จักจริง ๆ หลังจากนั้นชุดจับกุมก็ได้เข้าไปตรวจสอบในห้อง ไปเจอเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาด ๆ ของนายธนกร ยังบอกว่าชุดที่เจอในบ้านคล้ายกับชุดของผู้ก่อเหตุ มีการชี้ว่านาฬิกาข้อมือที่อยู่ในห้องน้องชาย เหมือนกันนาฬิกาที่ผู้ก่อเหตุใส่ ทั้งที่นาฬิกาเรือนนั้น เป็นนาฬิกาตาย และถูกทิ้งเอาไว้จนฝุ่นเขรอะ