พ่อออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกชายตกเป็นแพะคดียาเสพติด ขนยาบ้านับแสนเม็ด ทั้งที่นอนรักษาตัวโควิด-19 อยู่โรงพยาบาล ตร.ลั่นมีหลักฐานมากพอให้จับ แนะ หากบริสุทธิ์จริงงัดหลักฐานมาสู้ในคดี
วันที่ 21 ก.ค. 65 ชูชาติ พูลผล (เตี้ย) พ่อที่เชื่อว่าลูกชายตกเป็นแพะ ลูกของตนตกเป็นแพะคดียาเสพติด ขนยาบ้า 1.6 แสนเม็ด ทั้ง ๆ ที่ช่วงเวลาจับกุม ลูกของตนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ไปดำเนินการขอหลักฐานการรักษาตัวจากโรงพยาบาลมายืนยัน แต่ก็ถูกทางโรงพยาบาลยกเลิกหลักฐานชิ้นนี้
อย่างไรก็ตามได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปทางสำนักงานยุติธรรมประจำจังหวัดแล้ว และเขาส่งเรื่องต่อไปยังส่วนกลาง ทางส่วนกลางก็อนุมัติเงินประกันตัว 2 ล้านบาทให้แล้ว เหลือเพียงให้ศาลฯอนุมัติการประกันตัว
ทั้งนี้ ทางทีมงาน "ถกไม่เถียง" ได้ตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลดังกล่าว ได้ใจความว่า โรงพยาบาลไม่ได้ยกเลิกประวัติการรักษา เพียงแต่ไม่สามารถยืนยันตัวได้ว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่โรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ตำรวจจับยาเสพติด
ด้าน อิสระชัย พูลผล (ต้า) พี่ชาย เผยว่า น้องตนถูกจับกุมที่บ้าน วันนั้นตนก็อยู่ด้วย โดยทางตำรวจพาชุดจับกุม 2 นายเข้ามาชี้ตัวน้องชาย แต่ทางน้องชายปฏิเสธไม่รู้จักชุดจับกุม 2 คนนี้ และเขายังอ้างอีกว่า วันเกิดเหตุยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่เลย นอกจากนั้นเขายังเข้าไปชี้เสื้อผ้าของน้องที่อยู่ในห้อง รวมทั้งนาฬิกา ว่ามีความคล้ายกับผู้ก่อเหตุ แต่น้องตนได้ตอบกลับว่านาฬิกาเรือนนั้นเป็นนาฬิกาตาย ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว แถมยังมีฝุ่นเกาะเต็ม ซึ่งเขาก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้าเหล่านั้นไปตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่น้องรักษาตัวอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 89.8 กิโลเมตร พร้อมมีคนคอยเฝ้า อยู่ตลอด แต่ทางตำรวจบอกว่าอาจจะปีนออกทางข้างหลังก็ได้ ซึ่งที่ตนไปดูมาทางข้างหลังมีกล้องวงจรปิด ระหว่างทางไปจุดเกิดเหตุก็มีกล้องวงจรปิด ทำไมตนถึงไม่เห็นหลักฐานว่าน้องตนปีนออกมาจริง มีเพียงตำรวจ 2 นายมีชี้ตัวเท่านั้น รวมทั้งถ้าออกมาแล้ว ใครมารับไปยังไง ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ หากมีหลักฐานจริง ตนก็จะยอมรับว่าน้องตนผิดจริง ๆ
ขณะที่ชนะดล เหง้าเกษ (ดล) และ ศุภนันท์ กงชัยภูมิ (เจน) พยาน เล่าว่า ดลเป็นคนถ่ายคลิปเล่นกันกับเพื่อนในวันที่ 23 ม.ค. 65 เวลา 13.16 น. ที่โรงพยาบาลระหว่างกักตัวรักษาโควิด-19 ซึ่งเป็นวันที่ ตำรวจอ้างว่าเพื่อนของตนลักลอบขนยาเสพติด และยืนยันว่าเป็นคลิปจริง ไม่ได้แก้ไขข้อมูล สามารถนำไปตรวจสอบได้ สุดท้าย ยืนยันว่า อยู่กับเพื่อนตลอด ไม่ได้มีการหนีแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม อิสระชัย พูลผล (ต้า) พี่ชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะนำคลิปเหล่านี้ไปตรวจสอบ ขอให้เป็นหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ เนื่องจาก กลัวจะเกิดปัญหาปลอมแปลงหลักฐาน เพราะ ขนาดใบรับรองแพทย์เขายังยกเลิกได้ และยังกล่าวหาว่าน้องตนปีนออกจากสถานกักกันโรค ส่วนประเด็นเรื่องที่ตำรวจเจอโทรศัพท์ตกอยู่ในรถ ตนเชื่อว่าไม่ใช่ของน้องตน น้องตนใช้ Iphone 11 พร้อมทั้งแสดงความบริสุทธิ์ใจให้รหัสผ่านทุกอย่างกับตำรวจเพื่อตรวจสอบทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เผยว่า โทรศัพท์ที่ตกในที่เกิดเหตุยืนยันว่าเป็นของอีกคนที่นั่งมาด้วยกับผู้ต้องหารายแรก ซึ่งตรวจสอบแล้วมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดทั้งจากตัว ผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับกุมไป จากทางโรงพยาบาล และข้อมูลจากชุดจับกุม ทำให้ศาลฯเชื่อ และออกหมายจับกับหมายค้นให้ ส่วนประเด็นภาพวงจรปิดนั้น ค่อนข้างตามได้ยาก อาจจะมีภาพหายไปบ้าง แต่ถึงแม้จะไม่มีภาพวงจรปิด เราก็มีหลักฐานมากพอให้ออกหมายจับได้ ทั้งนี้หากครอบครัวยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาบริสุทธิ์จริง ก็นำหลักฐานไปสู้ในชั้นศาลฯได้เลย
ขณะเดียวกัน ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม แนะนำว่า ให้ยื่นเรื่องกับทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอีกที เพื่อให้ประสานงานกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เอาหลักฐานต่าง ๆ ไปตรวจสอบ จะทำให้หลักฐานของผู้เสียหายมีน้ำหนักมากขึ้น และนำเอกสารยืนยันจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยื่นประกอบการประกันตัว เนื่องจากคดียาเสพติดกว่าแสนเม็ดแบบนี้ ส่วนใหญ่โอกาสได้รับการประกันตัวค่อนข้างน้อย
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35