ไขปริศนา สาวสองดับ เลือดท่วม รอยช้ำทั่วร่าง แม่สุดคาใจ ทำไมหมอบอกป่วยมะเร็ง?

สาวประเภทสอง เสียชีวิตกระทันหัน โรงพยาบาลวินิจฉัย สาเหตุจากการป่วเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ครอบครัวคาใจ หวั่นลูกถูกแฟนหนุ่มซ้อม เพราะพบรอยช้ำทั่วร่าง พร้อมทั้งทรัพย์สินหายหลายอย่าง  

 

 

             วันที่ 19 ก.ค. 65 ดรุณี สมจิต แม่ผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนทราบเรื่อง จากโรงพยาบาลติดต่อตนมาเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 65 โดยบอกว่าน้องอาการหนัก อยู่ในห้องไอซียู ซึ่งเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และไตวาย ซึ่งตนไม่เคยรู้เลยว่าลูกป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ลูกตรวจสุขภาพอยู่ตลอด ไม่มีปัญหาอะไรเลย หรือมีอาการบ่งบอกอะไรเลย ทั้งนี้ น้องหายไป โดยไม่ได้ติดต่อตนเลย ถ้าเป็นปกติลูกจะโทรหาตนทุกวัน 

 

             อย่างไรก็ตาม ตนเลี้ยงลูกมา 27 ปี ลูกไม่เคยเข้าโรงพยาบาล แต่อยู่ ๆ มาเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้อย่างไร ยืนยันว่าลูกแข็งแรงดี ตนไม่เชื่อ จึงสงสัยในข้อนี้ แถมยังมีรอยช้ำเลือดต่าง ๆ อีก ตนมาเห็นรอยช้ำเลือด หลังจากเคลื่อนย้ายศพน้องกลับไปที่บ้านเกิดที่ จ.ยะลา พอทำความสะอาดร่างกายให้เขา จึงเห็นว่ารอยช้ำทั่วร่างกาย ซึ่งจากที่ตนเห็น คิดว่าไม่น่าจะเกิดจากอาการป่วย คิดว่าลูกน่าจะถูกทุบตีมากกว่า 

 

 

             โดยคิดว่า น่าจะเป็นหนุ่มคนสนิทของลูก ซึ่งเขาเคยมีประวัติการทำร้ายร่างกายลูกของตนเมื่อปี 2564 ที่ จ.ยะลา โดยที่ตอนนั้นเขาโทรติดต่อเรียกลูกของตนออกไปหา และให้เพื่อนของเขาทำร้ายลูก เพื่อที่จะเอาเงิน ตอนนั้นมีบาดแผลหลายจุด ลูกของตนจึงไปดำเนินการแจ้งความ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่ลูกของตนรักเขา เขาติดต่อมาขอให้ถอนแจ้งความ จึงได้ดำเนินการถอนแจ้งความไป ทั้งนี้จากที่ตนเคยเห็นมา หนุ่มคนสนิทดังกล่าว มีการมาขอเงินจากลูกตนตลอด  

 

            ด้าน เจนนี่ เพื่อนผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเป็นเพื่อนร่วมห้องพักกับน้องมา 6 เดือน ตนรู้ความเคลื่อนไหวของน้องตลอด ยืนยันว่าน้องแข็งแรงดี เป็นคนที่เฮฮา และอีกอย่างน้องเป็นนักร้องด้วย เวลาเพื่อนเครียดน้องจะคอยร้องเพลงให้เพื่อน ๆ ฟัง ซึ่งไม่ได้มีอาการบ่งบอกว่าน้องป่วยเป็นมะเร็งเลย อีกทั้ง ตนยังถ่ายคลิป เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 65 สามารถยืนยันได้ว่าน้องยังแข็งแรงปกติ       

 

            ทั้งนี้ น้องหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 65 โดยบอกว่าไปหาญาติที่แฟลตคลองจั่น หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อ แต่เฟซบุ๊กของน้องยังออนไลน์อยู่ตลอด ติดต่อไปกลับไม่มีการตอบกลับ ซึ่งสิ้นสุดการติดต่อไปเมื่อประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 11 ก.ค. 65 เหมือนโทรศัพท์แบตหมด หรืออาจจะปิดเครื่องไป จนมาทราบอีกทีคือวันที่ 14 ก.ค. 65 ช่วงเช้า โดยโรงพยาบาลโทรมาแจ้งกับที่ทำงานน้อง ว่าน้องอยู่ในห้องไอซียู หลังจากนั้นตนก็พยายามติดต่อแม่ของน้อง ซึ่งตนไม่มีเบอร์แม่ แม่ก็ไม่มีเบอร์ของตน   

 

 

            ส่วนในเรื่องของหนุ่มคนสนิทดังกล่าว ตนพอจะทราบว่าเป็นใคร แต่น้องไม่ค่อยเล่าเรื่องผู้ชายให้ตนฟัง เนื่องจากตนจะอยากให้โฟกัสเรื่องงานมากกว่า แต่ก็มีการขอเงินจากน้องตลอด ด้วยความรักของน้อง มีเท่าไหร่ก็ให้เขาหมด ในประเด็นที่ฝ่ายชายออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้คบหากันนั้น ตนสงสัยว่า ถ้าหากไม่ได้คบหากัน ทำไมไม่ขาดการติดต่อไปเลย น้องก็เป็นสาวประเภทสอง ไม่ได้สวยอะไร แต่ทำไมยังติดต่อ ตื้ออยู่ 3 ปี ตนจึงสงสัยว่าหรือจะมีเรื่องของการ ขอเงินกัน 

 

            ส่วน บุษยมาส อิศดุลย์ ประธานบ้านบุญเต็ม เล่าว่า น้องเคยฉีดวัคซีน โควิด19 โดยเป็น แอสตราเซเนกา 2 เข็ม ซึ่งแพทย์ต้องคอยถามผู้รับวัคซีนถึงโรคประจำตัวก่อนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร  

 

            ทั้งนี้ ตนเข้ามาช่วยในเรื่องของการเยียวยา แต่มันไม่เข้าเงื่อนไข เนื่องจาก คุณหมอวินิจฉัยว่าสาเหตุการตายมาจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว แม้จะมีบาดแผลตามร่างกาย น้องจึงไม่ได้เสียชีวิตจากการโดนกระทำทางคดีอาญา จึงเสียสิทธิ์ ในการเข้าสู่กระบวนการเยียวยา จากทางสำนักงานยุติธรรมประจำจังหวัด   

 

 

            อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจคุณหมอ ที่จะวินิจฉัยตามหน้างาน แต่คุณหมอไม่ทราบที่มาที่ไปของเคสนี้ ซึ่งจากคำวินัจฉัยกับระยะเวลาแค่ 4 วัน ทำให้เราเกิดข้อสงสัยได้เช่นกัน     

 

            ขณะที่ วันอาสาฬ์ ชาโชติ พลเมืองดี เผยว่า ตนพบกับน้องผู้เสียชีวิตที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งวันนั้นจากที่ตนเห็น น้องนั่งอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ และเหมือนมีเลือดกำเดาออก พร้อมทั้งมีเลือดออกที่ปากด้วย น้องพยายามถอดเสื้อตัวสีขาวมาเช็ดอยู่ตลอด ตนจึงเข้าไปถามว่าน้องเป็นอะไร แต่น้องพูดไม่ได้ เหมือนมีเลือดอยู่เต็มปาก เต็มลำคอ ตนจึงอาสาพาไปส่งโรงพยาบาล น้องก็พยักหน้าตอบรับตน    

 

 

            หลังจากขึ้นรถแล้ว น้องมีอาการเหมือนคนปกติทุกอย่าง เดินขึ้นรถเอง เข้าไปนั่งบนรถเองได้ แต่มีเลือดออกตลอดเวลา คล้าย ๆ หยดน้ำ ทีละหยด ๆ ตนไปส่งน้องที่โรงพยาบาล น้องก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่เอง ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่เองหมด ขณะที่รอยต่าง ๆ ตามร่างกาย วันนั้นไม่มีบาดแผลอะไรเลย เหมือนคนปกติทุกอย่าง มีเพียงตรงจมูกจะมีรอยคล้ำ ๆ เหมือนเลือดออกเยอะตรงจมูก   

 

 

            ทรัพย์สินของน้อง มีกระเป๋า 1 ใบ คิดว่าของทุกอย่างน่าจะอยู่ในกระเป๋า ส่วนโทรศัพท์มือถือของน้องตนไม่เห็น แต่คิดว่าน่าจะอยู่ในกระเป๋า อย่างหนึ่งที่ตนสงสัยคือ ช่วงที่อยู่ในปั๊ม มีคนเดินผ่านไปผ่านมา เห็นน้องตลอด แต่ตนสงสัยว่าทำไมไม่มีคนเข้าไปช่วยน้องเลย ตนเห็นแล้วทนไม่ไหว จึงเข้าไปช่วย 

 

            ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว. กล่าวว่า จากในใบวินิจฉัย ก็ชัดเจนว่าน้องเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมีไตวายเฉียบพลัน สุดท้ายเป็นเรื่องของระบบสมดุลเกลือแร่ในร่างกายมีปัญหา ขณะที่มะเร็งเม็ดเลือดขาว ในภาวะเฉียบพลัน มันเกิดขึ้นเร็วมาก อยู่ ๆ จะเป็น ก็สามารถเป็นได้เลย ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิด มันก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือ สารเคมีก็ได้ บางคนอาการเริ่มต้นแค่มีไข้ต่ำ ๆ อาจจะมีเลือดออกตามไรฟันเล็กน้อย จะดูเหมือนไม่เป็นอะไร ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้หลักเดือน อาการจะเกิดขึ้นรุนแรง และเมื่ออาการเริ่มรุนแรง โอกาสเสียชีวิตก็จะสูง       

 

 

            เนื่องจาก ตามปกติแล้ว มันจะมีเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกร็ดเลือด ทีนี้มันผิดปกติหมดเลย ซึ่ง ถ้าหากเม็ดเลือดแดงผิดปกติ อย่างในกรณีนี้ที่ไตวายก็อาจจะเกิดจากเม็ดเลือดแดงผิดปกติได้ ส่วนตัวเม็ดเลือดขาวมันอาจจะมีลักษณะที่สูงขึ้น แต่ตัวที่ปกติอยู่มันมีน้อย ทั้งนี้ตัวที่เป็นข้อสงสัยกันอยู่ ก็คือเกร็ดเลือด ตามปกติแล้วหากมีเกร็ดเลือดปกติ เวลาร่างกายมีเลือดไหลมันจะหยุด แต่ในกรณีที่คนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เกร็ดเลือดเขาจะต่ำ หากโดนกระแทกเล็กน้อยเลือดก็จะไหลไม่หยุด เวลาถูกกระแทก มันก็จะมีเลือดออกตามเนื้อเยื่อด้านใน จนทำให้เกิดรอยช้ำ ซึ่งสำหรับคนที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดนกระแทกเพียงนิดเดียว ก็จะช้ำเขียวมากกว่าคนปกติ ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมีการช้ำ ก็ต้องมีการกระแทก แต่การกระแทกว่ามันจะเบาหรือแรง มันประเมินได้ยาก ซึ่งส่วนตัวตนมองว่ารอยช้ำต่าง ๆที่เกิดกับผู้ตาย สามารถเข้าได้กับคนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว            

 

            ส่วนในกรณี เลือดกำเดาไหล กับเลือดออกที่ปาก คนปกติเวลามีเลือดกำเดาไหล ไม่จำเป็นต้องถูกกระแทกก็ได้ แต่ในกรณีแบบนี้หากเขาเลือดกำเดาไหล เขาจะไหลไม่หยุด ขณะเดียวกันเลือดที่ไหลออกจากปาก ต้องไปดูว่ามีบาดแผลที่ปากหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจพิสูจน์ว่ามีบาดแผลจริงหรือไม่  

 

            อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ญาติสงสัย ในเรื่องของการดูแลรักษา ยังไงมันก็มีประวัติของการรักษา สามารถที่จะพูดคุยขอดูได้ เราก็ดูตามพยานหลักฐาน ขณะที่บาดแผลต่าง ๆ นั้น มันมีก็จริง แต่ต้องตั้งคำถามขึ้นด้วยว่า บาดแผลเหล่านั้นเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตใช่หรือไม่