น.ศ.เหยื่อพ่วงมรณะ ตัดขา เลือดคั่งสมอง แม่ร้องรพ.ยื้อ 10 ชม.นอนทรมาน แต่บอกไม่มีหมอ

จากเหตุการณ์รถพ่วงซิ่งแหกโค้ง ชนนักศึกษา 2 คน ระหว่างขี้รถจักรยานยนต์ เสียชีวิต 1 ราย อาการสาหัส 1 ราย ด้านแม่ผู้บาดเจ็บ ร้องสื่อช่วย หลังลูกตนอาการสาหัส ต้องตัดขา-เลือดคั่งในสมอง โรงพยาบาลปล่อยนอนรอกว่า 10 ชม.   

 

             วันที่ 14 ก.ค. 2565 หนูฝิ่น แสงสีดา แม่ของผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ตอนนี้ตนยังทำใจไม่ได้อาการของลูก ยังวิกฤติ ยังไม่พ้นขีดอันตราย อาจมีการติดเชื้อหลังผ่าตัด และต้องผ่าตัดที่สะโพก เพื่อดามเหล็ก แถมตอนนี้หายใจเองไม่ได้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ พร้อมเลือดคั่งในสมอง   

 

 

             ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาลแรก ๆ ลูกยังคุยกับตนได้ แต่มีอาการเพ้อ และร้องโอดครวญเนื่องจากอาการค่อนข้างสาหัส ตนได้แต่ให้กำลังใจ บอกลูกว่าให้สู้ ซึ่งลูกตนร้องจนตนทำใจไม่ได้ และสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่รีบรักษา โดยที่โรงพยาบาลบอกว่าต้องรอผ่าตัดตอน 19.00 น. ทั้งที่เกิดเหตุตั้งแต่ 08.00 น. ไม่มีคุณหมอมาชี้แจงอะไรนอกจากนี้เลย สุดท้ายพอถึงตอน 19.00 น. กลับมาบอกว่าไม่มีหมอเชี่ยวชาญทางนี้ ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่น และไปถึงโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ตอน 20.30 น.  

 

 

             ระหว่างที่นอนรอการรักษา เขาไม่ได้ทำการรักษาอะไร แค่ฉีดยาแก้ปวด กับพันผ้าที่แผล แถมยังให้นอนรออในห้องผู้ป่วยรวม ไม่ใช่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งตนก็สงสัยว่าถ้าหากลูกช็อกไปจะทำอย่างไร พอไปถึงโรงพยาบาลแห่งที่ 2 คุณหมอบอกว่า ลูกมีโอกาสจะต้องถูกตัดขา เนื่องจากเหตุเกิดตั้งแต่ 08.00 น. ทำให้เส้นเลือดต่าง ๆ มันตายหมดแล้วต้องลองไปผ่าดูก่อนว่ายังมีอะไรใช้ได้บ้าง ตนฟังแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเลย

 

             อย่างไรก็ตามที่ตนออกมาร้องกับสื่อ เพราะตนไม่รู้จะทำยังไง และอยากโรงพยาบาลแรก ออกมาชี้แจงว่าทำไมถึงปฏิบัติงานช้า มันไม่ใช่อุบัติเหตุเล็ก มีผู้เสียชีวิตด้วย ถ้าหากเขาปฏิบัติหน้าที่ได้รวดเร็วกว่านี้ลูกตนอาจจะไม่อาการหนักขนาดนี้ และอยากให้ทางโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบกับเรื่องนี้       

 

 

             ด้าน นพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียหาย เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ ในขณะที่อาการของน้องผู้เสียหาย ได้แพทย์ทางสมอง แพทย์ทางศัลยกรรมบอสติก และแพทย์ศัลยกรรมกระดูก เข้ามาประเมินร่วมกัน โดยมีอาการผิดรูปบริเวณต้นขาด้านซ้าย และหน้าแข้งด้านขวา และได้ส่งทำ MRI พบว่า น้องมีอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง กระดูกแก้ม และเบ้าตาแตก อาการค่อนข้างจะรุนแรง 

 

             เบื้องต้น แพทย์ได้ให้ดูแลอาการทางสมองก่อน เนื่องจากว่าการผ่าตัดกระดูกจะค่อนข้างนาน จึงต้องตรวจสอบว่าถ้าดมยาแล้วจะกระทบกับระบบส่วนอื่น ๆ หรือไม่ ในระหว่างที่ดูอาการเบื้องต้น แพทย์ทางกระดูกได้เห็นแล้วว่าตำแหน่งที่ขาหักมีโอกาสที่จะโดนเส้นเลือดเสียหาย ซึ่งจากที่แพทย์ดูเขาพบว่าเส้นเลือดบริเวณขาข้างซ้าย ยังดีอยู่ แต่ก็ต้องรอดูอาการก่อน เพราะอาการของเส้นเลือดมีหลายแบบจะต้องแยกให้ชัดก่อนจะรักษา อย่างไรก็ตามที่โรงพยาบาลนครพนม ไม่มีหมอผ่าตัดเส้นเลือด ซึ่งแพทย์อาจจะตัดสินใจตัดขาตั้งแต่ตอนนั้นเลยก็ได้ 

 

 

             ต่อมาช่วงบ่าย อาการมันชัดเจนขึ้นว่ามีอาการขาดเลือด จึงประสานโรงพยาบาลสกลนคร ให้รับช่วงคนไข้ต่อไปด้วย ซึ่งในระหว่างที่รอส่งตัว ก็ต้องประเมินอาการทางสมองไปด้วย เพราะถ้าหากระหว่างทางนำส่งกว่า 100 กิโลเมตร เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา จะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย 

 

"ตามหลักการของหมอ เราต้องเซฟชีวิตคนไข้ไว้ให้มากที่สุด" นพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ กล่าว 

 

             ที่ต้องดูอาการนาน เนื่องจากอาการพวกนี้ ต้องดูอาการกันเป็นชั่วโมง ซึ่งในช่วงแรก ๆ เนื้อเยื่อจะยังไม่บวม ยังไม่แสดงอาการ แต่พอตอนหลังมันแสดงอาการ จึงชัดเจนมากขึ้น และอาการของคนไข้รายนี้ ไม่ได้มีเสียหายอวัยวะเดียว มีทั้งสมอง ช่วงขา และอีกอย่างที่เรายังไม่รู้คือในช่วงท้องจะมีปัญหาหรือไม่ จึงต้องรอดูอาการนานเพื่อความปลอดภัย แต่ทว่าหลังจากประเมินอาการตอนช่วงบ่าย แล้วไม่ได้ทำการส่งต่อในตอนนั้นเลย ตนคิดว่าน่าจะมีปัญหาจากการสื่อสาร ตนจึงขออภัยกับครอบครัวในเรื่องนี้   

 

 

             ขณะที่ นพ.ธนสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเรื่องของการเยียวยา ตอนนี้ได้ส่งเรื่องไปทางผู้บังคับบัญชาไปตามขั้นตอนแน่นอน เดี๋ยวจะมีการคุยกับคุณแม่เรื่องรายละเอียดหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นกำลังใจให้คุณแม่ และลูกชายผ่านเรื่องนี้ไปอย่างราบรื่น

 

 

             ขณะเดียวกัน ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นว่า ในเคสนี้ ตามข้อบังคับของ แพทยสภา ว่าด้วยเรื่อง การรักษาจริยธรรม 2549 ข้อ 15 กำหนดไว้ว่า หมอต้องรักษาในวิญญูชนที่มาตรฐานดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ ดังนั้นต้องดูว่าเมื่อตอน 08.00 น. จนถึง 19.00 น. เขาได้ทำการรักษาดีตามวิสัยในขณะนั้นแล้วหรือยัง ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดแล้วเกิดเล่า ทั้งนี้หากเขาไม่ได้รักษาตามพฤติการณ์ที่เขาควรจะทำ คุณแม่สามารถฟ้องโรงพยาบาลได้ เรียกค่าเสียหายจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดได้ แต่ในส่วนของคนขับรถคอนเทนเนอร์ อันนั้นเป็นอีกกรณีหนึ่ง เป็นคดีอาญา ในเรื่องของการประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

ติดตาม  รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง"  ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/-c4nSuNWBac