คดีฆ่าปาดคอ "เจ๊แดง" ยังคงจับคนร้ายตัวจริงไม่ได้ ส่อคดียืดเยื้อ

คดีของฆ่าปาดคอ "เจ๊แดง" เจ้าของร้านขายของชำ จังหวัดบึงกาฬ ดูท่าจะยืดเยื้อ เข้าสัปดาห์ที่ 2 แล้ว ก็ยังจับคนร้ายตัวจริงไม่ได้  ช่วงแรกตำรวจใจชื้น เพราะตอนแรกสาวหล่อสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่า แต่จู่ ๆ ช่วงเย็นวันเดียวกัน จังหวะที่ตำรวจคุมตัวมาเค้นสอบบันทึกคำสารภาพเป็นหลักฐานในคดี เจ้าตัวกลับพลิกลิ้น ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่า

 

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าจากที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบึงกาฬและภูธรภาค 4 ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย น.ส.น้อยหน่า ซึ่งเป็นสาวทอมที่เป็นหนึ่งในสามที่นั่งดื่มกินอยู่ที่ข้างบ้านเจ๊แดงก่อนพบศพ ซึ่งครั้งแรกที่ควบคุมตัวมาสอบโดยสาวทอมได้รับสารภาพเบื้องต้น โดยอ้างว่าหลังจากที่ยืมรถเจ๊แดงกลับคืนมาและจะเอาลูกกุญแจรถจักรยานยนต์ไปคืนถูกเจ๊แดงต่อว่า จึงได้เกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันขึ้นทำให้เจ๊แดงโมโหคว้าเอามีดปลายแหลมซึ่งยาวประมาณ 1 คืบจะมาแทงตนเองจึงได้เกิดการต่อสู้ยื้อแย่งกันเกิดขึ้น เมื่อตนเองแย่งมีดมาได้ จึงได้ตวัดหรือแกว่งกวัดไปมาทำให้โดนที่ต้นคอผู้ตายเสียชีวิตดังกล่าว

 

หลังจากเกิดเหตุ ตำรวจเข้าไปตรวจพบรอยเท้าผู้หญิงที่อายุยังไม่มากเดินขึ้นไปบนชั้น 2 และในห้องนอนจึงเจ็บเอาดีเอ็นเอเพื่อมาตรวจพร้อมกับเส้นผมจำนวนหนึ่งในมือผู้ตายซึ่งคาดว่าเป็นเส้นผมของคนร้ายนอกจากนั้นยังมีเศษเนื้ออยู่ในเล็บของมือผู้ตายด้วย ตลอดทั้ง 2 วันที่สอบสวนสาวทอมยังให้การวกไปวนมาตลอดเวลาทั้งให้การปฏิเสธ ทำเอาชุดสืบสวนหัวปั่นไปตามๆ กัน แต่สุดท้ายก็อ้างว่าที่ยอมรับสารภาพไปนั้นเป็นการทำเพื่อให้คนร้ายตัวจริงตายใจและก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ร้ายตัวจริงได้ เมื่อถูกสอบสวนอยู่ 2 วันไม่สามารถจะหาพยานหลักฐานเพื่อขอหมายศาลออกหมายจับและก็แจ้งข้อกล่าวหาสาวทำได้จึงต้องยอมปล่อยตัวไปก่อน ตามที่แหล่งข่าวให้ข้อมูลมา ตำรวจต้องควาญหาคนร้ายตัวจริงมาลงโทษให้ได้ เพื่อคลี่คลายคดี เพราะถ้ายังจับฆาตกรตัวจริงไม่ได้ทั้งญาติๆ และชาวบ้านยังต้องนอนผวาต่อไป เนื่องจากเป็นคดีใหญ่สะเทือนขวัญประชาชน

 

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ยืนยัน ตอนนี้ชุดสืบสวนเร่งควานหาบุคคลที่เกี่ยวข้องตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับหลักฐานที่เจอ และอยู่ระหว่างรอผลตรวจวัตถุพยานที่เก็บได้เพิ่มในจุดเกิดเหตุ โดยเฉพาะแหวนของผู้เสียชีวิตที่เพิ่งโผล่มา เชื่อจะได้ตัวคนร้ายในเร็ววันนี้ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะมัดตัวคนร้ายจนดิ้นไม่หลุด