ผัวป่วยเป็นอัมพฤกษ์ โอด ถูกเมียสวมเขา ช้ำใจ หอบเงิน 2 ล้านบาท หนีไปอยู่กับชู้ ซึ่งเป็นอดีตลูกจ้างตน อดีตเมีย ลั่น แบ่งเงินคืนไปหมดแล้ว ยังตามรังควานไม่เลิก
วันที่ 6 ก.ค. 2565 ธวิช อนุศาสนี สามี ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ใจความว่า ตนอยู่กินกับภรรยาฉันผัวเมียมากว่า 30 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทั้งนี้ ตนป่วยเป็นอัมพฤก์ครึ่งซีก ตั้งแต่ปี 2560 เพราะล้มหน้ามืดหัวฟาดพื้นขณะที่ตนกำลังทำงาน ส่งผักอยู่ หมอบอกว่า เส้นเลือดในสมองแตก แขนขาซ้ายลีบ หลังจากนั้นตนคิดว่าตนไม่รอดแน่จากอาการป่วย จึงโอนเงินให้ภรรยาไป 2 ล้านบาท โดยเงินก้อนนี้ให้เอาไว้มาดูแลตน และยังมีรถเก๋งป้ายแดงที่ตนเอารถกระบะไปขายเพื่อออกรถเก๋งเอาไว้ให้ใช้ เขาดูแลตนประมาณ 1 ปี ก็เริ่มเปลี่ยนไป และหายไปจากบ้าน ไม่เข้าบ้าน ไม่กลับมาดูแลตน
ทั้งนี้ ได้เคยพยายามติดต่อภรรยาให้กลับมาดูแลตน หรือเจรจาอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เขาบล็อกเบอร์ตนหมด ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง ต้องขายที่ดินเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง ซึ่งเป็นมรดกจากพ่อแม่ อย่างไรก็ตามที่ออกมาร้องกับสื่อ และได้ไปแจ้งความ เพราะว่า อยากให้มีคนดูแล เพราะเขาไม่ดูแล ตนก็ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อหาคนมาดูแลใหม่ จึงต้องการเงินคืนเพื่อนำมาดูแลตัวเอง
ด้าน แหม่ม (นามสมติ) ภรรยา เล่าว่า ที่อดีตสามีพูดมา เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ยอมรับว่าเงิน 2 ล้านบาท ตนได้รับจริง ซี่งตอนนั้นเขากลัวว่าเขาจะตาย จึงโอนเงินมาให้ตนดูแล โดยเงินก้อนนี้ก็นำมาหมุนเพื่อดูแลเขา ส่งข้าวส่งน้ำให้ตลอดทุกวัน 3 มื้อ ดูแลเต็มที่ แต่หลังจากดูแลกันมาตลอดเวลาปีกว่า เขามีพฤติกรรมอาละวาด หึงหวงรุนแรง ตนจะออกไปขายของ ก็มีให้ตนสาบาน พอตนไม่สาบานก็อาละวาด และยังเคยมีเหตุการณ์มาด่าทอตนกลางตลาดระหว่างที่ตนกำลังขายของอยู่ ตอนนั้นเขาอาละวาดมาก ต้องโทรให้ญาติมาห้ามปราม โดยตอนนั้นเขาขู่ว่า ถ้าตนกลับบ้าน เขาจะทุบรถ เอาปืนมายิงบ้าง จึงเป็นเหตุผลให้ตนไม่กล้ากลับบ้าน เขาก็ตามราวี ส่งข้อความมาขู่ตนอยู่ตลอด
จึงตัดสินใจไปหย่า เลิกรากัน โดยให้ตำรวจเป็นพยาน ลงในใบบันทึกแจ้งความเป็นหลักฐาน ว่าเลิกรากัน เนื่องจากตนไม่ได้มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนั้นก็ได้แบ่งเงิน 2 ล้านบาท กันคนละครึ่ง รถป้ายแดง ตนก็แบ่งเงินให้แล้ว 1.3 แสนบาท ค่าบ้านก็แบ่งกันคนละครึ่ง 2.5 แสนบาท ตนก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเอาอะไรกับตนอีก ตนต้องหาเงินส่งเลี้ยงลูกอีกด้วย
ส่วนคนที่เขาสงสัยว่าเป็นชู้กับตน คนนั้นคือเด็กในร้าน จ้างมาดูแลเขาตอนป่วย ซึ่งก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกัน มาออกข่าวแบบนี้ ทำให้ตนเสียหายอย่างมาก ยืนยันว่าตนไม่เคยหอบเงินหนี หรือมีชู้ เพราะมีการเลิกรากันแล้วกับอดีตสามีแล้ว
ขณะเดียวกัน ธวิช อนุศาสนี กล่าวเพิ่มว่า ตนขู่ภรรยาจริง แต่ที่ขู่เพราะกลัวว่าเขาจะมีคนอื่น ตนขู่เฉย ๆ ไม่เคยลงไม้ลงมือ ส่วนเรื่องข่าวที่ออกมาว่าเมียหอบเงินหนีไปกับชู้ ตนไม่เคยออกข่าวไปแบบนั้น ตนรักครอบครัว ถึงได้หึงหวง ส่วนเรื่องหย่าที่เลิกกัน ตอนที่ไปขึ้นโรงพัก ตอนนั้นตนไม่รู้เรื่อง อาจเพราะด้วยอาการป่วย สุดท้ายตนแค่อยากได้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เผยว่า การที่คุณลุงส่งรูปปืนไปขู่อดีตภรรยา มันเป็นความผิดทางอาญา จะเข้าหลักกฎหมายที่ว่า ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือการตกใจด้วยการขู่เข็ญ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าหากคุณลุงไม่มีใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน ก็ผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ส่วนเรื่องของการหย่า การหย่าทั้งสองฝ่ายต้องเคยจดทะเบียนสมรสกัน เหตุของการฟ้องหย่า ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (1) มีชู้ (2) สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี (3) ทิ้งร้างเกิน 3 ปี ดังนั้นกรณีการหย่าของเคสนี้จึงไม่เกิดขึ้น และสิทธิที่คุณลุงจะเรียกร้องเงินตามกฎหมายก็เป็นไปได้ยาก เพราะได้ลงลายมือชื่อด้วยความสมัครใจลงในใบแจ้งความไปแล้ว ขณะเดียวกันเท่าที่ตนฟังในข้อตกลงแล้วก็ค่อนข้ามเป็นธรรม ทั้งนี้ ถ้าหากคุณลุงอยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่กับคุณลุงเหมือนเดิม ต้องปรับเปลี่ยนท่า ไม่ควรใช้พฤติการณ์ก้าวร้าว
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35