ปกติเราจะเคยเห็นแต่ “จอมโจรโรบินฮู้ด” ที่ปล้นคนรวยไปแจกจ่ายให้คนจน แต่วันนี้เราพบกับอาชญากรรูปแบบใหม่ เรียกว่า “จอมโจรหน้ากากกางเกงใน” ซึ่งโจรกางเกงในคนนี้ มีพฤติกรรมขโมยโทรศัพท์มือถือไปแจกให้คนกับคนยากคนจน และออกตระเวนทั่วราชอาณาจักรเลย เหตุผลเพราะว่า ชอบให้คนเรียกว่า “โรบิ้นฮู้ด”
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์กองบังคับการสืบสวน ภาค 2 ได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลักทรัพย์ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ชื่อว่า “BANANA” สาขานครนายก จังหวัดนครนายก ได้ทรัพย์สินไปกว่า 128 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,914,895 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นสี่พันแปดร้อยเก้าสิบห้าบาทถ้วน)
โดยพฤติกรรมของคนร้ายรายนี้จะเลือกขโมยโทรศัพท์มือถือเป็นบางยี่ห้อ แต่จะเหลือทิ้งไว้เฉพาะเครื่องที่สามารถล็อกซิมได้ ซึ่งแสดงถึงความเชี่ยวชาญเรื่องโทรศัพท์ หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด
จากการตรวจสอบพบว่า ชุดที่คนร้ายนิยมแต่งกายตอนก่อเหตุลักทรัพย์ จะชื่นชอบการใส่ “กางเกงในตัวเดียว” เพียงตัวเดียวเท่านั้น และก่อนลงมือก่อเหตุจะมีการตัดสายกล้องวงจรปิดและถอดเซิฟเวอร์กล้องออกไปด้วย
ส่วนเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุก็มีความชำนาญเบี่ยงประเด็นให้เสมือนกับตัวเองเป็นคนในพื้นที่ แต่จริงๆแล้วมาจากการที่คนร้ายได้มาทำการสำรวจเป้าหมายก่อนจะลงมือลักทรัพย์ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
จากการสืบสวนติดตาม เจ้าหน้าที่ทราบว่าคนร้ายคือ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือชื่อเล่นว่า “คาร์มัส” อายุ 23 ปี เป็นคนจังหวัดนราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมคนร้ายในคดีนี้มีพฤติกรรมความเหมือนกับคดีลักทรัพย์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็คือ เหตุการณ์แรก เกิดเมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 ที่ภายในร้าน BANANA สาขาจังหวัดยะลา พื้นที่ สภ.เมืองยะลา และเหตุการณ์ และเหตุการณ์ที่สอง เมื่อวันที่ 9 ม.ค.65 ที่ร้าน BANANA เหมือนกัน แต่เป็นสาขาสายไหม 109 กรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ สน.สายไหม
นอกจากนี้ ตำรวจยังพบว่า พฤติกรรมใส่กางเกงในตัวเดียวออกลักทรัพย์ของนายคาร์มัส ยังตรงกับประวัติต้องโทษคดีของนายคาร์มัสในจังหวัดอื่นอีก 9 คดี ใน 9 พื้นที่ ทั้ง สภ.เมืองยะลา / สภ.หาดใหญ่ / สภ.เมืองพัทลุง / สภ.เมืองนครศรีธรรมราช / สภ.เมืองหนองบัวลำภู / สภ.เมืองอุบลราชธานี / สภ.หัวหิน / สน.สายไหม จนถูกเรียกว่า “โจรกางเกงในตัวเดียว”
จากการสอบสวนนายคาร์มัส รับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ที่ร้าน “BANANA” สาขานครนายกจริง ก่อนจะหลับหนีมาอยู่ที่คอนโดย่านลาดพร้าว และเปิดห้องพักโรงแรม ย่านรามคำแหงเพื่อซ่อนโทรศัพท์มือถือที่ขโมยมา และเตรียมหอบของกลางโทรศัพท์ที่ขโมยมากว่า 149 เครื่องกลับไปยังภูมิลำเนาใน จ.นราธิวาส
นอกจากนี้ นายคาร์มัส ยังบอกอีกว่า สาเหตุที่เลือกลักทรัพย์แต่ร้าน BANANA เพราะตนเองชอบกล้วยและชอบสีเหลือง จึงเลือกขโมยแต่ร้านนี้ ส่วนกรณีที่ชอบถอดเสื้อผ้าให้เหลือกางเกงในตัวเดียว เพราะทำเกิดความรู้สึกให้มั่นใจ และเป็นตัวของตัวเอง
ส่วนที่ขโมยกล้องวงจรปิดไปด้วยนั้น ก็เพราะเมื่อปี 2564 ได้ถูกสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่า เป็นโจรกางเกงในโรคจิต ซึ่งตนเองรู้สึกไม่ชอบ จึงตัดสินใจขโมยกล้องไปด้วยทุกครั้ง
ขณะที่การเลือกเป้าหมายนั้น จะค้นหาเป้าหมายจากกูเกิ้ล แมพ เพื่อหาร้าน BANANA และจะเดินทางไปที่ร้านก่อนก่อเหตุประมาณ 3 - 6 ชั่วโมง โดยจะสำรวจเส้นทางรอบๆ แล้วค่อยก่อเหตุหลังเที่ยงคืน
สำหรับ สาเหตุเลือกขโมยแต่โทรศัพท์มือถือ เป็นเพราะความฝังใจช่วงวัยเด็ก ซึ่งเพื่อนมีโทรศัพท์กันแต่ตนเองไม่มี จึงเริ่มก่อเหตุในรูปแบบนี้ โดยแรกๆเริ่มจากขโมยจำนวนเล็กน้อยจนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ และช่วงหลังๆก็กวาดโทรศัพท์ไปจนแทบหมดร้าน เมื่อขโมยมาได้แล้วก็จะเอาบางส่วนไปขายและนำเงินมาใช้ รวมถึงได้นำโทรศัพท์บางส่วนไปแจกให้กับคนเร่ร่อนละแวกสนามหลวงและหัวลำโพง ขณะที่อีกส่วนก็จะนำไปแจกให้กับคนที่ภูมิลำเนาใน จ.นราธิวาส โดยจะแจกทั้งเงินและโทรศัพท์ เนื่องจากตนเองเป็นคนไร้บ้านมาก่อน โดยมองว่า ตนเองก่อเหตุในลักษณะเหมือนจอมโจรโรบินฮู้ด แต่สื่อมวลชนกลับตั้งฉายาตนเองว่า “โจรกางเกงในโรคจิต”