สองยายพี่น้อง ทำงานเก็บของเก่า สุดช็อก เจอหนังสือทวงหนี้ 2 แสนบาท ยืนยันไม่เคยไปกู้หนี้ยืมสินใคร พร้อมแฉมีคนโทรขู่ให้จบคดี แจ้งความกว่า 3 ปี คดีไม่คืบ เตรียมดับเครื่องชนทวงความเป็นธรรม
วันที่ 5 ก.ค. 2565 บุญส่ง บุญกระสินธุ์ ผู้เสียหาย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ทางช่อง 7HD กด35 เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2563 มีใบทวงหนี้มาเสียบที่หน้าประตูบ้าน จากกองทุนพัฒนาสตรี อ.บางใหญ่ โดยคนที่เป็นหนี้คือน้องสาวของตน ในใบเรียกทวงหนี้ 2 แสนบาท หลังจากนั้นตนจึงไปแจ้งความเอาไว้ และติดตามเรื่องอยู่เรื่อย ๆ แต่ทางตำรวจก็บ่ายเบี่ยง อ้างไม่มีเวลาบ้าง เรื่องโควิดบ้าง ดำเนินเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2563
ตอนนี้ยังมีความกังวล เพราะเรื่องคดียังถูกลอยแพอยู่ ไปแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ ก็ยังเฉย จึงออกมาให้สื่อช่วย เพราะมันสุดทนแล้ว ไม่รู้จะพึ่งใคร ตนขอดับเครื่องชนทวงความเป็นธรรมก่อน หากไม่เป็นผล ก็ยอมติดคุกได้ เพราะว่าไม่มีปัญญาใช้หนี้เขา
ทั้งนี้ พอเป็นข่าว ก็มีบุคคลปริศนาติดต่อเข้ามาให้ถอนฟ้อง ให้หยุดออกสื่อ และเขาจะรับผิดชอบใช้หนี้ตรงนี้เอง แต่ตนไม่ทราบไม่รู้ว่าเป็นใคร ฟังจากเสียงน่าจะเป็นผู้หญิง แต่ตนยืนยันว่าจะไม่หยุด จะเดินหน้าดำเนินคดีต่อ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาทำเราเจ็บเหลือเกิน เห็นตนจน ตนแก่แล้ว ไม่มีปัญญาทำอะไร
ด้าน ละมัย นพสกุล ผู้เสียหาย เล่าว่า หนี้จากกองทุนพัฒนาสตรี อ.บางใหญ่ เป็นหนี้ในชื่อของตน จำนวน 2 แสนบาท แต่ตนไม่เคยรู้จักกองทุนฯนี้มาก่อน ละไม่เคยไปกู้เงินที่ไหนเลย และไม่เคยเอาบัตรประชาชนไปทำธุรกรรมใด ๆ
ตั้งแต่รู้เรื่องมาก็นอนหลับไม่สบาย เครียดมากไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาชดใช้ให้เขา หรือจะทำยังไงดี หากไม่มีเงินไปคืนให้เขาตนก็จะยอมติดคุก
ขณะที่ วิทยา ชพานนท์ นายอำเภอบางใหญ่ เผยว่า โครงการกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาสตรี อ.บางใหญ่ มันเป็นเรื่องตั้งแต่ปี 2557 โดยมีชื่อ คุณละมัย ร่วมกู้อยู่ด้วย รวมทั้งหมด 5 คน กู้มาทั้งหมด 2 แสนบาท ในสัญญาให้ใช้หนี้ 24 งวด ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2557 - 31 มี.ค. 2559 แต่ในช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ส่งต่อเนื่อง มันก็จะมีเบี้ยปรับบ้าง ขณะนี้ยอดหนี้ทั้งหมดเหลือ 2.2 แสนบาท
ตอนนี้ตนได้รับแจ้งเรื่องจากคุณยายแล้ว และได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบความเท็จจริง สืบหาต่อไป ไม่เกิน 15 วันรู้ผล ว่าการกู้ในตอนนั้นเขากู้กันยังไง คุณยายได้ไปเซ็นไหม และเงินถูกส่งไปที่ใคร เอาไปทำอะไร แต่คร่าว ๆ เงินที่กู้มีการแจ้งว่าเอาไปทำกล้วยฉาบ ซึ่งยังสรุปไม่ได้ว่า รายชื่อผู้กู้ทั้ง 5 คน เป็นพนักงานที่อำเภอหรือเปล่า
คุณ ละมัย นพสกุล ได้ตอบว่า ตนไม่เคยทำกล้วยฉาบ และไม่เคยได้รับเงินที่อ้างว่าตนเป็นคนกู้มาสักบาท สามารถเอาบัญชีไปตรวจสอบได้เลย
ขณะเดียวกัน สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ทราบเรื่องจากนักข่าวในพื้นที่ จึงแจ้งเรื่องต่อให้นายอำเภอ เข้ามาดูแล สอบสวน หาข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องการตรวจสอบโครงการฯ ต่าง ๆ ตนต้องขอดูรายละเอียดจากนายอำเภอก่อน ให้ชัดเจนก่อน ยืนยันว่าไม่ละเลยแน่นอน เพียงแต่ยังตอบชัดเจนไม่ได้ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
นอกจากนี้ สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า คนที่จะติดคุก จะไม่ใช่คุณยาย แต่คือคนที่ทำให้คุณยายเดือดร้อน คือคนที่ปลอมลายมือชื่อของคุณยาย ส่วนประเด็นที่คดีไม่คืบ เนื่องจากตอนคุณยายไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ไม่ได้แจ้งดำเนินคดีให้ ไม่มีเลขคดี จึงไม่มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน มีหลายเคสเคยที่ร้องเรียนเข้ามาในลักษณะนี้ ตัวที่ถูกต้อง ต้องเป็นรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี และต้องมีการสอบปากคำ และออกเลขคดี เขาเลยดองเคสไว้แบบนี้
ดังนั้นวิธีแก้ หลังจากเป็นข่าว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะต้องสั่งการไปยัง ผู้บัญชาการภาค 1 ผู้บัญชาการจังหวัดนนทบุรี เรียกร้อยเวรที่รับแจ้งความเคสนี้มาสอบถาม และเร่งให้ดำเนินคดี และเร่งให้ไปสอบสวนหน่วยงานที่ครอบครองเอกสาร เพราะเอกสารอาจจะหายได้
และฝากผู้ว่าฯ นนทบุรี ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ครอบครองเอกสารอยู่ ออกจากพื้นที่ก่อน เพื่อไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และหากผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฯ คดีจะยอมความไม่ได้ ถ้าเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ จะผิดตามมาตรา 157 โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่รักษาทรัพย์ แต่เบียดบังทรัพย์และมาทุจริต อันนี้โทษหนัก จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ถึง 4 แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต และยอมความไม่ได้ด้วย
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35