สามีฉุน ! "ภรรยา" ถูกมิจฉาชีพ ปลอมเป็น "ลี มินโฮ" วางกลอุบายหลอกให้โอนเงิน ก่อนหลงเชื่อโอนเงินไปกว่า 7 หมื่นบาท จนเกือบคิดสั้น แต่โชคดีช่วยไว้ได้ทัน
วันที่ 30 มิ.ย. 2565 พรพิมล สาวที่ถูกหลอกโอนเงิน ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ โดยเล่าว่า ตนรู้จักตัวมิจฉาชีพผ่านทางแอปหาคู่ โดยเขาทักมาหาตนเองก่อน เป็นภาษาอังกฤษ ตนจึงตอบกลับ และแนะนำตัวไป และเขาก็ได้ตอบกลับมาว่าเขาชื่อ 'ลี มินโฮ' เป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้ ซึ่งตนรู้จัก ลี มินโฮ แต่ไม่เคยเจอตัวจริง และชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
หนึ่งในกลอุบายที่มิจฉาชีพใช้หลอกตน คือ เขาบอกว่าจะส่งของขวัญพิเศษมาให้ตนโดยตรง จะมาถึงวันที่ 24 มิ.ย. 2565 แต่ต้องเสียค่าภาษี 3 หมื่นบาท ซึ่งตนได้เห็นของขวัญตนก็รู้สึกชอบ จึงตัดสินใจโอนเงินไป ครั้งแรก 2 หมื่นบาท และโอนอีกครั้ง 1 หมื่นบาท รวมเป็น 3 หมื่นบาท
หลังจากนั้นเขาอ้างว่าจะเดินทางมาหาตนที่เมืองไทย แต่ติดอยู่ที่ ตม. จึงให้ตนโอนเงินเพื่อเคลียร์ ตม. จำนวน 4 หมื่นบาท แบ่งเป็นให้เจ้าหน้าที่ ตม. 1.5 หมื่นบาท และค่าตรวจโควิด-19 อีก 2.5 หมื่นบาท และเขายังได้โชว์เงินในบัญชีว่าเขามีเงินอยู่ในบัญชี 44 ล้านบาท โดยบอกว่าเขาจะโอนเงินคืนแน่นอน ซึ่งในช่วงนี้ตนเริ่มฉุกคิดได้ ว่านักแสดงดังระดับเขาทำไมต้องให้ตนโอนเงินไปให้ด้วย จึงลองส่งเลขบัญชีของตนกลับไปเพื่อให้เขาโอนเงินกลับมาให้ตนบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับกลับมาสักบาท
ระหว่างที่คุยกับเขา ตนแอบสามีคุย โดยได้โกหกว่าตนโสด พอตอนหลังตนรู้สึกไม่อยากหลอกเขา จึงได้บอกความจริงว่าตนมีสามีมีลูกแล้ว แต่เขาตอบกลับว่า เขารับผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาแล้วได้ ตอนนั้นตนได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกดี ลักษณะของตัวมิจฉาชีพ จะเป็นคนปากหวาน เรียกตนว่าที่รักทุกคำ ทำให้ตนคล้อยตามไป และเคลิ้มไปกับหน้าตาเขาด้วย จึงหลงกลเขา
พอรู้ว่าตัวเองโดนหลอก ทำให้ตนเครียดมาก หาทางออกไม่เจอ โดนทั้งสามี และพ่อ ตำหนิรุนแรง ด่าไล่ให้ "ไปตายเลยไป" ตนจึงตัดสินใจจบชีวิตตนเอง โดยการเดินลงสระหลังร้านลึกกว่า 10 เมตร แต่สามี และลูกน้องในร้านมาช่วยไว้ได้ทัน
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าแอบนอกกใจสามี เนื่องจากพักหลังตั้งแต่มีลูก สามีไม่ค่อยสนใจตน ไม่ค่อยกอดตนเหมือนก่อนจะมีลูก ตอนนี้สนใจแต่ลูก ทำให้ตนเกิดอาการน้อยใจ จึงเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น
ด้าน สีน้ำ สามีของสาวที่ถูกหลอกโอนเงิน เล่าว่า เงินที่ภรรยาโอนออกไปมันอยู่ในบัญชีของตน ซึ่งหายไป 6-7 หมื่นบาท จึงไปถามภรรยา พอถามเขา เขาก็กลัว ไม่กล้าพูด จึงเรียกพ่อตามาช่วยคุย จนเขายอมสารภาพว่าเขาเอาเงินไปให้ผู้ชาย ตนก็รู้สึกโมโหจนร้องไห้ออกมา เพราะลูกก็เพิ่ง 4 เดือน กำลังน่ารัก ทำไมถึงทำแบบนี้ ด้วยความโมโหทั้งตน และพ่อตา ก็มีการด่าทอ ตำหนิเขา ถึงขั้นไล่ให้เขาไปตาย เนื่องจากพ่อตาเองก็เคยเจอปัญหาลักษณะแบบนี้ ที่ถูกเมียทิ้ง ตนยอมรับเลยว่าตอนนั้นรุนแรงมาก ตนโมโหไม่มีสติเช่นกัน
ทั้งนี้ตนก็ไม่คิดว่าภรรยาจะน้อยใจจนถึงขั้นจบชีวิตตัวเอง เดินลงสระหลังร้าน ซึ่งตอนนั้นลูกน้องในร้านบังเอิญมาเห็นพอดี จึงให้คนในร้านช่วยกันลงไปพาภรรยาขึ้นมา ซึ่งตนกับพ่อตาก็รู้สึกผิดที่ตำหนิเขารุนแรง
ตนยอมรับว่าตั้งแต่มีลูกตนก็มีละเลยภรรยาไปบ้าง เพราะจะต้องเลี้ยงลูก เนื่องจากภรรยาเลี้ยงไม่เก่งเท่าตน แต่ตนก็ขอโทษภรรยาและจะปรับปรุง ส่วนเรื่องที่เขาไปคุยกับหลงไปกับผู้ชายคนอื่น ตนก็โกรธ แต่ยังพอให้อภัยได้ เพราะยังไม่ถึงขั้นมีสัมพันธ์กันลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกอยากให้จับไอพวกกระบวนการมิจฉาชีพออนไลน์เหล่านี้ ตนรู้สึกว่ามันเยอะมากเหลือเกิน
ขณะเดียวกัน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า ตัวผู้เสียหายต้องรีบไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในโรงพักในพื้นที่ ในความผิดฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสามารถไปดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ได้อีก โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน
และให้เร่งตามเรื่องที่ไปแจ้งความเอาไว้ เพราะตำรวจบางท่านเราไปแจ้งความเอาไว้ แล้วก็เงียบไป เคสนี้มันจะต้องมีการสอบปากคำผู้เสียหาย สอบปากคำพยาน สอบปากคำเจ้าหน้าที่ธนาคารแต่ละสาขา
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com