จาเหตุการณ์หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดที่สำเพ็ง หลังพนักงานการไฟฟ้าฯมาซ่อมบำรุง จนเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ลามไปกว่า 4 คูหา พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้านเจ้าของตึก จ่อฟ้องเอาผิด การไฟฟ้าฯ
วันที่ 28 มิ.ย. 2565 สุรชาติ กิตติฤดีกุล เจ้าของตึกที่ไฟไหม้ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ผ่านช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่พระราม 2 พอทราบข่าวก็รีบตีรถกลับมาที่ร้าน และได้ติดต่อพนักงานในร้าน พนักงานก็ตื่นตระหนก คุยไม่รู้เรื่อง ได้แต่บอกว่า คุณรัฐนันท์ ลูกชายของตนอยู่ในตึก ตนพยายามติดต่อลูกชาย แต่ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งลูกชายติดต่อกลับมา ความเสียหายครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งเป็นพนักงานภายในร้าน และของที่ขายในร้านเสียหายหมด โดยที่ร้านจำหน่ายถุงพลาสติก ถุงกระดาษ พวกบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ความเสียหายตอนนี้ยังประเมินไม่ได้ ต้องไปดูบัญชีว่ามีสต็อกอยู่เท่าไหร่ เพราะมันไหม้ไปหมด ไม่เหลืออะไรเลย
ตอนนี้มี กรมแรงงานฯ ประกันสังคม และ กทม. ที่ติดต่อเข้ามาให้เราตั้งโต๊ะเป็นผู้เสียหาย แต่ยังไม่ได้มีการแจ้งอะไรไป เพราะต้องดำเนินเรื่องของผู้ตายก่อน
ส่วน เพชร ผู้เสียชีวิต ตอนแรกยังคงหาไม่เจอ เด็กที่ร้านบอกตนว่ามั่นใจว่าเพชรเข็นมอเตอร์ไซค์ออกไปแล้วก่อนเกิดเหตุ ในความคิดของตนคิดว่า เพชรเป็นคนฉลาดไม่น่าจะกลับเข้าไป ผ่านไปไม่นานเขาก็กลับเข้าไป ไม่ทราบเหมือนกันว่ากลับเข้าไปทำไม
ทั้งนี้ตนกลัวในเรื่องของการพิสูจน์อย่างตรงไปตรงมา เพราะจากที่ตนฟังโฆษกการไฟฟ้าฯ แถลง เขาบอกว่า อาจจะเกิดจากด้านหลังของหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งด้านหลังของหม้อแปลงไฟฟ้านั้นคือตึกร้าง ไม่มีคนอยู่ ปิดเอาไว้ ตนจึงตั้งข้อสังเกตุว่าจะเกิดไฟไหม้จากตึกร้างได้อย่างไร ยังไงก็ขอให้พิสูจน์ด้วยข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมา จะออกมาอย่างไรตนรับได้หมด
รัฐนันท์ กิตติฤดีกุล ลูกชายเจ้าของตึก และอยู่ในที่เกิดเหตุ เผยว่า วันที่เกิดเหตุ ประมาณ 11 โมง มีคนโทรมาบอกตนว่าหม้อแปลงไฟฟ้าหน้าร้านมีควันขึ้น ลักษณะเป็นควันสีขาว ตนจึงรีบเข้าไปที่ร้าน และติดต่อการไฟฟ้าฯ ระหว่างที่ติดต่อการไฟฟ้าฯอยู่ ที่หม้อแปลงไฟฟ้าก็มีน้ำไหลซึมออกมา หลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาที หม้อแปลงก็ระเบิด ตนอยู่ห่างจากหม้อแปลง ประมาณ 3 เมตร รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน พอรู้สึกตัวก็รีบนำตัวเองออกมาจากจุดเกิดเหตุ สุดท้ายไฟมันก็โหมหน้าร้านไปหมดเลย
หม้อแปลงไฟฟ้าลูกที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ เคยมีเสียงไฟช๊อตอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นก็จะเป็นคนแจ้งการไฟฟ้าฯ ให้เข้ามาดู วันศุกร์ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเขาก็เพิ่งจะเข้ามาดู และหม้อแปลงไฟฟ้าลูกนี้ค่อนข้างเก่าด้วย
ด้าน เนียง นบ ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นสามีของตน ตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านกับลูก เนื่องจากวันนั้นเป็นเวรหยุดของตน แต่สามีเป็นวันทำงาน ทราบเรื่องจากน้องที่ร้านโทรมาบอกว่า เถ้าแก่เรียกให้ตนไปที่ร้าน ทั้งตนและลูก ตอนนั้นตนก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอไปถึงที่เกิดเหตุ เฮียที่ร้านก็บอกให้ตนทำใจดี ๆ ไว้ก่อน ยังหาสามีของตนไม่เจอ อาจจะรอด ทีนี้ก็มีการเช็คตามโรงพยาบาลแต่ก็ยังไม่เจอ
ตอนแรกตนคิดลึก ๆ ในใจว่าเขาคงอยู่ที่โรงพยาบาลไหนสักที่ ตอนนี้ก็ยังคิดว่าไม่ใช่เขา ยังโทรหาเขาตลอด แม้ว่าจะไปรับศพของเขามาแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นเขา
อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบ และใครช่วยตนได้ อยากให้ช่วย เนื่องจากตนไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย อ่านหนังสือไม่ออก ปกติสามีจะเป็นเสาหลัก เขาอ่านหนังสือออก เขารับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน รับผิดชอบแม่เขา คอยสอนการบ้านลูก ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง
ขณะที่ เกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ให้ความเห็นว่า หลังจากลงพื้นที่ไปแล้ว พบแต่ซากปรักหังพังต่าง ๆ และชิ้นส่วนของหม้อแปลงไฟฟ้า บางส่วนยังอยู่ บางส่วนก็หายไปแล้ว ส่วนที่เขายกไป มีคนแจ้งว่าการไฟฟ้าฯยกไปที่การไฟฟ้าฯ เขตวัดเลียบ แต่จะจริงหรือเปล่ายังไม่ทราบ
ทั้งนี้ การจะพิสูจน์ว่าต้นเพลิงมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าหรือไม่ หม้อแปลงไฟฟ้าคือส่วนสำคัญ เพราะทั้งคลิปวิดีโอ รวมทั้งคำให้การจากพยาน คือคุณรัฐนันท์ ยืนยันตรงกันว่าไฟฟ้ามันระเบิดจากหม้อแปลง ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์จากหม้อแปลงไฟฟ้าว่ามันระเบิดได้อย่างไร และต้องพิสูจน์ให้ชัดว่าสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ เกิดจากทรัพย์สินของการไฟฟ้าฯ หรือไม่ ถ้าสาเหตุมาจากทรัพย์สินของการไฟฟ้าฯ การไฟฟ้าฯต้องเป็นคนรับผิดชอบ เพราะแนวการพิพากษาของศาลฎีกาที่ผ่านมาตลอดบอกว่า "หม้อแปลงไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าเป็นทรัพย์อันตรายโดยสภาพ การไฟฟ้าฯ เป็นผู้รับผิดชอบจะต้องจัดการป้องกันรักษาทรัพย์สินเหล่านี้ ไม่ให้เกิดการระเบิด หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา" และแน่นอนว่าผู้เสียหายทุกคนไม่ได้มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้เลย
ซึ่งทางการไฟฟ้ายังไม่ปักใจเชื่อว่าสาเหตุมาจากหม้อแปลงไฟฟ้า เพราะดูจากคลิปยังไม่ชัด ทั้งที่มีพยานจากที่เกิดเหตุยืนยัน ทางการไฟฟ้าฯเองบอกว่ารอผลพิสูจน์หลักฐานจากทางตำรวจก่อน ถ้าผลออกมาว่าเกิดจากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด เขาก็จะรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม การพิสูจน์หลักฐานครั้งนี้ ต้องดูว่าใครเป็นคนตรวจ ถ้าตำรวจเป็นคนตรวจจริงก็สามารถรับได้ในระดับหนึ่ง และต้องดูว่าการไฟฟ้าฯมีส่วนเกี่ยวข้องไหม ผลพิสูจน์จะออกมาจากฝั่งไหน ต้องดูกันอีกที ที่สำคัญที่สุดคือ การไฟฟ้าฯ ได้ยกหม้อแปลงไฟฟ้าไปจริงไหม เพราะว่า หม้อแปลงไฟฟ้าอันนี้ถือว่าเป็นวัตถุพยาน และของกลางสำคัญในคดี ต้องถามพนักงานสอบสวนว่า เป็นผู้อนุญาตให้การไฟฟ้าฯยกไปหรือไม่
ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมมีส่วนสำคัญมาก เพราะผู้เสียหายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ซึ่งปกติจะมีเงินเยียวยาให้ผู้เสียหายอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนเสียชีวิต ตาม พ.ร.บ.ค่าชดเชยผู้เสียหายในคดีอาญา แต่ก็ต้องรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนก่อน ว่าเกิดจากความประมาท หรือเหตุสุดวิสัย หากสรุปสำนวนว่าเกิดจากความประมาท ก็ให้พนักงานสอบสวนออกหนังสือส่งเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรมได้เลย
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com