เราสามารถเริ่มต้นการใช้งานง่าย ๆ ด้วยการเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ หรือสำหรับรถยนต์บางรุ่นสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ได้เลย หลังจากนั้นจะมีข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ iPhone ให้เรากดเปิดงานใช้งาน Apple CarPlay เท่านี้ก็เริ่มต้นใช้งานได้แล้ว
โดยฟังก์ชันการใช้งานของ Apple CarPlay กันบ้าง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คนใช้ iPhone ย่อมคุ้นเคยกันดี เพราะเหมือนยกหน้าจอ iPhone มาไว้ในหน้าจอรถยนต์ โดยผู้ใช้สามารถเปิดฟังก์ชันดูเส้นทางแผนที่ด้วย Google Maps และ Apple Maps, โทรออก-รับสาย, รับ-ส่งข้อความ, เช็กงานผ่านแอปปฏิทิน สามารถกดนำทางผ่านจากตัวแอปปฏิทินได้เลย แต่เป็นการใช้งานผ่าน Apple Maps เท่านั้น, ฟังเพลงผ่านแอปสตรีมมิงต่าง ๆ เช่น Apple Music หรือ Spotify
ผู้ใช้สามารถสั่งการด้วยคำสั่งเสียงผ่าน Siri หรือให้ Siri ช่วยอ่านข้อความและตอบกลับเป็นภาษาไทยได้ด้วย ทั้งนี้ต้องมีการตั้งค่าภาษาไทยก่อน ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก เริ่มจากการเข้าไปที่ Settings เลือกเมนู Siri & Search จากนั้นเลือกภาษาไทย เท่านี้ Siri ก็รองรับการอ่านภาษาไทยให้ฟังได้แล้ว เสมือนได้ผู้ช่วยระหว่างการขับขี่ ทำให้ผู้ใช้มีสมาธิกับการขับรถบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 16 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ โดยจะมีการอัปเดตหน้าจอของระบบ Apple CarPlay ใหม่ ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานและเชื่อมระบบรถกับโทรศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงข้อมูลตัวรถ หน้าปัดเรือนไมล์รูปแบบใหม่ รอบเครื่องยนต์ ปริมาณเชื้อเพลิง อัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิง รวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์การเป็น IOT (ไอโอที) หรือ Internet of Things โดยเฉพาะการเชื่อมต่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเข้ามาเปิดตัวอีกหลายรุ่น
ขึ้นชื่อว่า Apple ที่ชื่นชอบในเรื่องการปรับแต่งอยู่แล้ว Apple CarPlay เวอร์ชันใหม่นี้จะรองรับการปรับแต่งหลากหลายรูปแบบให้เหมาะสมกับสไตล์ของแต่ละคนอีกด้วย เรียกได้ว่ายกระดับรถยนต์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะไปอีกขั้น