ประเด็นร้อนแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น คูปองทิพย์ จากร้าน “ดารุมะ ซูชิ” โดยกลุ่มผู้เสียหายซื้อ Voucher หรือคูปอง บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น แต่ไม่สามารถใช้งานได้ และกลุ่มที่ซื้อแฟรนไชส์ร้าน ก็ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะบริษัทฯชิ่งหนีหาย ไม่ส่งวัตถุดิบให้
วันที่ 20 มิ.ย. 2565 ดา ผู้จัดการร้านดารุมะ ซูชิ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้จัดการร้านสาขาทั้ง 6 สาขา ของคุณเมธา โดยคุณเมธา เจ้าของแบรนด์ จะเป็นคนออกคำสั่งทั้งหมด ตอนนี้ตนไม่ตกใจ แต่เสียใจมากกว่า กับเวลาทั้งหมดที่ทุ่มเทให้บริษัทฯ กว่า 3 ปี และเสียใจแทนพนักงานที่ถูกลอยแพ
ทางร้านขายดีมาตลอด ไม่ว่าจะจัดโปรโมชั่นแบบไหน แต่ตนคิดไว้อยู่แล้วว่าบริษัทฯ จะต้องขาดทุน และตนรับรู้อยู่แล้วว่าถ้าขายแบบนี้ยังไงก็ขาดทุน เพราะตนรู้ต้นทุน ตอนเข้ามาแรกทำงานแรก ๆ ปลาแซลมอน ราคา 285 บาท/กก. ล่าสุดก่อนจะหยุดขาย ราคาอยู่ที่ 380 บาท/กก. ลูกค้าเข้ามากิน 2 ท่านก็เกือบ 1 กิโลแล้ว แต่ตนคิดว่าบริษัทฯ น่าจะมีแหล่งเงินทุน มีทุนที่มากพอ เพราะเห็นบริษัทฯ เติบโต ขยายสาขาอยู่เรื่อย ๆ
ตอนแรกเขายังไม่ได้ขายแฟรนไชส์ เพิ่งมาเริ่มขายเมื่อปีที่แล้ว ขึ้นเร็วมาก จนพนักงานก็ตอบไม่ได้ว่ามีที่ไหนบ้าง โดยจะมีป้ายติดเชิญชวนที่หน้าร้านให้มาซื้อแฟรนไชส์ คือ 2.5 ล้านบาท ก็จะได้ พนักงาน ยูนิฟอร์ม สิทธิ์การสั่งของจากบริษัทฯ และเจ้าของแฟรนไชส์ก็ได้ปันผล 10% ของยอดขาย พอมีร้านสาขาเยอะขึ้น ตนก็ไม่เอ๊ะใจอะไร คิดแต่เพียงว่า บริษัทฯตนเติบโต หน้าที่การงานของตนต้องมั่นคงแน่ ๆ
โปรโมชัน 199 บาท มันจะมีอยู่เรื่อย ๆ ตอนแรกจะเป็นโปรโมชันเปกิดร้านใหม่เท่านั้น แต่ช่วงหลังหากสาขาไหนยอดตก เขาก็จะมาจัดที่สาขานั้น หรือสาขาไหนที่รองรับลูกค้าได้เยอะก็จะเวียนจัดโปรที่นั่น ซึ่งผลตอบรับก็ดีถล่มทลาย แต่ทางพนักงาน ไม่ค่อยอยากจัดโปรนี้ เพราะตนรู้ว่ามันขาดทุน เมื่อก่อนตนก็เคยถาม คุณเมธาว่า ขาย 199 บาท แล้วเราจะได้กำไรหรอ ทางคุณเมธาตอบว่า หน้าที่เรื่องหาเงินเป็นเรื่องของเขา พนักงานมีหน้าที่บริการให้ดี และห้ามโดนด่าด้วย
โดย คุณ เมธา มีมือขวาในการช่วยทำงาน ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเป็นลายลักษณ์อักษรในบริษัทฯ เป็นผู้จัดการเหมือนตน แต่พองานเยอะขึ้น คุณเมธาเริ่มตอบคำถามลูกน้องไม่ไหว ก็โยนงานมาให้มือขวาคนนี้ ส่วนเรื่อง HR หรือ พนักงานบัญชี ในบริษัทฯ ตนไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แต่ตนไม่เคยได้ติดต่อประสานงานเลย ติดต่อผ่านทางมือขวาเท่านั้น ตอนนี้ตนเป็นห่วงลูกน้องคนไทยที่ยังไม่ได้ประกันสังคม และพนักงานต่างชาติยิ่งหน้าสงสาร พวกเขาพยายามที่จะทำเอกสารเพื่อเป็นแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถูกหลอกมาก็หลายรอบ จนมาดารูมะ ตนก็เกลี่ยกล่อมให้ทำ โดยนายหน้าเรียกเก็บคนละ 12,000 บาท ผ่อนจ่าย 3 งวด เขาผ่อนกันไปแล้ว 8,000 บาท ก็มาเกิดเรื่องขึ้น ไม่ได้บัตรแรงงานด้วย แถมมาตกงานกลางเดือน ต้องกลายเป็นผีอีกครั้ง
คุณ นุ่น ผู้ซื้อแฟรนไชส์ร้านดารุมะ ซูชิ เล่าว่า ทำสัญญาตั้งแต่เดือน กันยายน 2564 ซื้อเพราะเห็นป้ายโฆษณาหน้าร้าน ที่มีความน่าสนใจ จึงทักทางเพจไป และทางคุณเมธาได้โทรกลับมาคุย ตนรู้สึกเชื่อใจเพราะดูจากการขยายสาขาที่รวดเร็ว และลักษณะการพูดคุยที่ดูน่าเชื่อถือและมีกำไร จึงตัดสินใจที่จะร่วมทำธุรกิจด้วย
ก่อนลงทุน ตนยังไม่เอะใจเรื่องราคาต้นทุนแซลม่อน และราคาขายหน้าร้าน เพราะยังมีความสนใจที่จะทำธุรกิจอยู่ ร้านของตนที่ลงทุนไป เปิดบริการวันแรกวันที่ 13 มีนาคม 2565 ณ ตอนนี้ได้กำไรแบ่งมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2565 มียอดกลม ๆ ประมาณ 110,000 บาท และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 มียอดประมาณ 140,000 บาท ตนยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกดีใจมากที่ลงทุนไปแล้วได้กำไรกลับมา คิดว่าธุรกิจนี้เป็นการลงทุนที่ใช่สำหรับตัวเองแล้ว
ในช่วงเดือนก่อนหน้านี้ คุณเมธาไม่มีวี่แววที่ทำให้ตนรู้สึกผิดปกติเลย ยังคงพูดคุยปกติ วัตถุดิบและของที่มาส่งที่ร้านก็ปกติ แต่เมื่อมารู้ตัวอีกทีตนก็ไม่เหลืออะไรแล้ว รู้สึกใจหาย ไม่เคยมีสัญญาณเตือนมาก่อน ตนสูญเสียจากการลงทุนเพียงครั้งเดียวถึง 2 ล้านบาท ซึ่งมันเป็นเงินที่เยอะมาก ตอนนี้ต้องการให้เขากลับมาชดใช้ แต่เท่าที่ทราบ ได้ข่าวว่าเขาเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ตนยังคงอยากทำธุรกิจนี้ต่อ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
คุณ เจ (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่ซื้อวอชเชอร์มาเป็นจำนวนมาก เผยว่า อยู่ในวงการนี้มาประมาณ 3 ปีแล้ว เป็นการซื้อคูปองเก็บไว้เพื่อรอบริการลูกค้า เงื่อนไขของคูปองคือจะไม่สามารถใช้งานทันทีได้ ต้องใช้ในวันถัดไป ซึ่งเราตอบโจทย์ลูกค้าโดยการซื้อคูปองมาเก็บไว้ บริการจองโต๊ะ และติดต่อประสานงานต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าจนกว่าจะได้ทาน
ในยุคแรกเริ่ม เริ่มจากคูปองกระดาษก่อน ตอนนั้นเป็นโปรโมชั่น 5 แถม 1 ราคาใบละ 250 บาท ซึ่งเราจะได้ใบแถมเป็นกำไร 250 บาท โดยเราจะบริการลูกค้า ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งคูปองให้ถึงที่ จองโต๊ะตามเวลาและสาขาที่ลูกค้าต้องการ ทำงานเกือบจะทั้งวันทั้งคืน ตีสอง ตีสาม ก็ยังทำ เหตุผลที่ทำเพราะรายได้ส่วนนี้มากพอที่จะจุนเจือชีวิตเราได้ โดยภายหลังได้พัฒนาจากคูปองกระดาษ มาเป็นรหัส และคิวอาร์โค้ดในปัจจุบัน
โปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ทางร้านจัดจะมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา หากไม่ใช่โปรฯ แถม วิธีการเอากำไรของตนคือการคิดค่าดำเนินการเพิ่ม โดยลูกค้าจะได้รับความสะดวก เราจะแจ้งรายละเอียดทั้งหมด พร้อมตอบข้อสงสัยของลูกค้า คลาย ๆ กับการเป็นแอดมินแทนร้านไปเลย จากนั้นจึงเริ่มมีกลุ่มขายคูปองของตัวเองซึ่งมีสมาชิกมากถึง 15,000 คน และยังมีเพื่อนในเฟซบุ๊กอีกเกือบ 3,000 คนที่เป็นลูกค้า
คุณเจ ยังเผยอีกว่า เคยซื้อคูปองจำนวนมากสุดภายในครั้งเดียวถึง 1,300 ใบ ราคาใบละ 199 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วคิดเป็นเงิน 213 บาท/ใบ ณ ตอนนั้นไปกู้เงินเพื่อรีบมาลงทุน เพราะคูปองมีระยะเวลาการขายที่จำกัด ตนจึงรีบตุนไว้จนหมดหน้าตัก และหวังว่าจะมีลูกค้าโอนเงินมาซื้อเหมือนทุก ๆ ครั้ง
ตนรู้สึกเอะใจกับการลงทุนนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนที่มีข่าวสงครามระหว่าง ยูเครน-รัซเซีย เพราะทราบว่าการขนส่งแซลม่อนมีความยากลำบาก และมีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ทำไมทางร้านยังคงขายในราคาถูกมาก จึงเป็นประเด็นที่ตนตัดสินใจโอนเงินคืนเจ้าหนี้ไปก่อน และลงทุนเท่าที่ตัวเองมี แต่ก็ต้องหมดตัวอยู่ดี และมีลูกค้าที่ซื้อคูปองกับทางตนไปแล้ว ซึ่งก็ต้องทยอยคืนเงินให้หมด และยอมรับกับลูกค้าไปตรง ๆ ว่าตอนนี้หมดตัวแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะหนีไปไหนแน่นอน
จุดที่สองที่ตนเอะใจ คือในระบบจองโต๊ะให้กับลูกค้าจะขึ้นว่าร้านเต็มตลอด แต่เมื่อโทรไปจองกลับสามารถจองได้ หรือหากจองไม่ได้อีก ตนก็จะเสนอลูกค้าว่าให้วอล์กอินเข้าไป และหากว่ามีคิวหลุด ให้ลูกค้าเข้าแทนที่ได้เลย ตนพร้อมส่งคูปองให้ แต่เมื่อลูกค้าไปถึง ปรากฎว่ามีโต๊ะว่าง ซึ่งร้านไม่มีลูกค้าเลย จึงไม่สมเหตุสมผลที่ไม่สามารถจองโต๊ะได้
คุณ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวในประเด็นเรื่องแรงงานว่า เบื้องต้นได้ประสานไปที่ท่าน เธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ซึ่งในวันพรุ่งนี้อาจต้องพากลุ่มแรงงานไปพบทางกระทรวงแรงงานเพื่อเรียนท่านรัฐมนตรีให้ช่วยเรื่องนี้ด้วย เพราะถือว่าเป็นเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเช่นเดียวกัน
คุณ เอกภพ เผยว่าตอนนี้มีผู้มาติดต่อร้องเรียนเยอะ ตนได้มีการพูดคุยกับท่านโฆษกกระทรวงแรงงานแล้วเบื้องต้น ทราบว่าท่านผู้บริหารกระทรวงได้มีการสั่งการไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้ดำเนินการช่วยเหลือแรงงานแล้ว
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เล่าว่า วันนี้ได้พุดคุยหารือกับ DSI และ สคบ. แล้ว ว่าจะทำงานร่วมกันยังไง โดยรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน 3.3 หมื่นราย ทั้งทางผู้ประกอบการโดยตรง หรือจะเป็นผู้ที่ซื้อคูปอง และมีถึง 1.29 แสนคูปองที่เสียหาย มูลค่าไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท
ด้านผู้ประกอบที่เสียหาย ก็แบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ ผู้ประกอบการที่ลงแฟรนไชส์แล้วไม่ต้องบริหารจัดการ แต่อีกทางหนึ่งคือลงแฟรนไชส์แล้วก็เสียเงิน มีการบริหาร มีเงินเดือน กับอีกกลุ่ม คือ กลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อคูปองแล้วไม่ได้ใช้บริการ ตอนนี้ก็กำลังดำเนินการ ดูตามสัญญา เพราะมันจะปนกันระหว่างคดีแพ่ง และคดีอาญา ดังนั้นจึงให้ทาง DSI แยกประเภทอยู่ว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนอย่างไร ตอนนี้มีทางเลือกให้ผุ้ก่อเหตุอยู่ 2 ทาง จะคืน หรือจะคุก ถ้าคือมาก็ยังทัน
ส่วนเรื่องการดำเนินการ จะเร่งดำเนินการเอกสารให้ทาง DSI รับเป็นเลขสืบสวนเลย พอเป็นเลขสืบสวนแล้วเราจะสามารถหยุดทุกอย่างเกี่ยวกับการเงินของเขาได้ ส่วนเรื่องที่เขาเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะประสานดูว่าพาสปอร์ตของเขาเหลืออายุอีกเท่าไหร่ ถ้ามันหมดแล้ว ทีนี้มันง่ายเลย เราจะส่งเรื่องไปที่ปลายทางให้ส่งตัวเขากลับมาเลย
ขณะที่ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า เราทราบเรื่องตั้งแต่เช้าวันที่ 18 มิ.ย. 65 เริ่มมีการกิจการ จึงมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายมาร้องเรียนที่เว็บไซต์ ส่วนทางด้านผู้ก่อเหตุมีการสืบทราบแล้วว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ที่ประเทศดูไบ ตั้งแต่คืนวันที่ 16 มิ.ย. 65
สำหรับเคสนี้ ถ้ามีการต่อสู้ทางกฎหมาย ผู้ก่อเหตุอาจจะสู้ได้ว่าเขาทำเพื่อประกอบธุกิจ แต่ทางที่เราสืบมาก็ทราบว่าเขามีเจตนาพิเศษประมาณ 3-4 เดือนก่อนหน้านี้ โดยเร่งระดมทุน เร่งทำคูปอง และมีการค้างค่าเช่าสถานที่ผู้ประกอบการบางส่วน และการระดมทุนของเขาเป็นการระดมทุนแบบมีเลศนัย ก็คือการจัดโปรโมชัน ลดราคาจาก 499 เหลือ 199 บาท ซึ่งมันไม่สามารถเป็นไปได้ จะเกิดการขาดทุน เจตนาพิเศษตรงนี้ ก็อาจจะเข้าเจตนาหลอกลวง
ตอนนี้ เรากำลังเทียบเคสนี้กับกรณีแหลมเกตุ โดยของแหลมเกตุมีคำพิพากษาแล้ว โดยพิพากษาว่า มีการโฆษณาเป็นเท็จ และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ดังนั้นจึงเทียบเคียงว่าเคสนี้จะเข้าเกณฑ์ของแหลมเกตุหรือเปล่า
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com