วันที่ 16 มิ.ย. 2565 ยิ่งยศ แซ่หลี่ หรือตี๋ พี่ชายของล่ามมี่ ผู้เสียชีวิต ได้ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดยทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า จากกรณีที่สื่อไต้หวันรายงานว่า น้องสาวของตนที่เสียชีวิต ตั้งท้องเด็กแค่คนเดียวนั้น จริงๆแล้ว เป็นเด็กแฝด แต่เด็กคนหนึ่งในท้องร่างกายไม่สมบูรณ์ เขาเลยตีว่าตั้งท้องคนเดียว อย่างไรก็ตามแม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์แต่มีการเจริญเติบโตปกติ ไม่มีผลต่อทางครรภ์ เขาเลยเก็บไว้ปกติ รอตอนคลอดอย่างเดียว
ส่วนเรื่องคลิปเสียง ตนได้มาจากผู้หวังดี เพราะเขารู้สึกว่าน้องของตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงส่งมาให้ตน ใจความหลัก ๆ ของคลิปคือ ตนคิดว่าเป็นการใส่ความน้องของตน ว่าเป็นผู้บงการ ผู้ค้า ผู้คุม เจ้าของกิจการผิดกฎหมาย และยังมีส่วนเอี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และการปล่อยเงินกู้
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องไม่จริง เพราะน้องสาวเคยมาชวนตนให้ไปทำงาน แต่ไม่รู้รายละเอียดงาน จึงประสานติดต่อไปทางสันติให้ ปรากฏว่าเป็นงานแก๊งคอลเซนเตอร์ ตนจึงได้ปฏิเสธไป ซึ่งในคลิปเสียง สันติเหมือนจะลืมว่าเคยคุยกันแล้ว และเรื่องของผิดกฎหมาย ที่สันติอ้างว่า น้องของตนไปเอาของเขามา แต่ไม่จ่ายเงินคืน หรือจ่ายเงินช้า จึงมาตามที่สันติ เหมือนไปสร้างเรื่องให้สันติ ตนมองว่าสร้างเรื่องเช่นกัน เพราะตัวสันติไม่มีเงิน เขาจะไปตามจากสันติทำไม
"น้องตนโดนใส่ร้ายไม่พอ โดนใส่ร้ายตอนตายด้วย ไม่สามารถแก้ต่างได้" ยิ่งยศ กล่าว
มูลเหตุ ตนคิดว่า เป็นเรื่องหนี้สินของสันติ แต่ไม่รู้ว่าไปติดหนี้ใครบ้าง ซึ่งคนที่จะช่วยได้ก็คือน้องสาวตน และยังมีหนี้สินกับน้องสาวด้วย จึงน่าจะเป็นมูลเหตุเบื้องต้น ทั้งนี้ตัวสันติมีการขอความช่วยเหลือจากน้องสาวมาตลอด ตนก็ได้มีการเตือนน้องสาว ว่าให้ระวังสันติ และได้บอกว่าถ้าจะไปหาสันติ ให้เอาน้องเขยไปด้วย อย่างน้อยก็เป็นผู้ชาย
เรื่องที่สื่อไต้หวันรายงานว่า มูลเหตุที่น่าจะมีส่วนที่ให้เกิดเหตุฆาตรกรรมขึ้น คือธุรกิจการแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งตนมองว่าอาชีพมันนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เป็นธรรมเนียมของแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ไต้หวันอยู่แล้ว หรือไม่ว่าประเทศไหนก็มีทั้งนั้น เพราะถ้าหากคนไทยไปทำงานที่นู้น ถ้าไม่หาคนช่วยโอนเงินกลับไทยให้ก็จะลำบาก เพราะต้องไปติดต่อทางธนาคารที่นู้น ส่วนคนอื่นจะมองยังไง ตนก็ไม่ห้ามความคิด
ขณะเดียวกัน ตนสงสัยว่าในคลิปเสียง ที่นายสันติบอกว่า โทรบอกคนที่บ้านแล้ว ว่ารถที่ก่อเหตุจอดอยู่ที่ตรงไหน ตนอยากถามว่า ติดต่อคนที่บ้านคนไหน เบอร์ติดต่อของตนเขามีหมด แต่ทำไมถึงไม่ได้รับสายเลย และมาหาศพเจอวันที่ 10 มิ.ย. ไม่เจอตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ
ส่วนตัวอยากให้ผู้ต้องหารายนี้ถูกดำเนินคดีที่ไต้หวัน เพราะก่อเรื่องที่นู้น หลักฐานต่างๆก็อยู่ที่นู้น และอีกอย่างศพน้องของตนอยู่ที่นู้น อยากให้เขาไปกราบขอขมา ถ้าหากมาอยู่ที่นี่ กลัวมันจะยากด้วยหลักฐานต่างๆ
"ฆ่าทั้งพ่อ ฆ่าทั้งแม่ ฆ่าทั้งลูก ฆ่าทั้งบ้าน มันเหี้ยมไป ผมว่าความเป็นคนมันไม่มีแล้ว เลยอยากให้มันไปกราบขอขมาที่นู้นเลย ต่อหน้าศพเลย" ยิ่งยศ กล่าว
ทั้งนี้ ฝากบอกสันติว่า ถ้าหากเป็นไปตามคลิปเสียงจริง ก็ออกมาสู้มาอธิบาย เอาหลักฐานมาอธิบายกัน ใครผิดใครถูกก็มาคุยกัน ส่วนเรื่องหนี้สิน เงินที่ได้ไปเอาไปใช้อะไร ก็มาชี้แจงเลย ส่วนไอเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เมื่อเดือนก่อน มันจริงหรือเปล่า ถ้าตนพูดอะไรไม่จริง ก็มาฟ้องตนได้ ตนพร้อมเคลียร์
ด้าน ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า ในกรณีต้องเรียกว่าเสียชีวิต 2 ศพ เพราะตามกฎหมายเด็กในท้องยังไม่เรียกว่าเป็นบุคคล ต้องคลอดออกมา และมีชีวิตอยู่เป็นทารกก่อน เรื่องคลิปเสียง ตนก็มองว่า มันผิดปกติ เพราะคนที่อยู่ระหว่างการหลบหนี มันจะมีเวลามาเล่าอธิบายมูลเหตุ แรงจูงใจที่ตัวเองไปทำร้ายคนอื่นได้อย่างไร
ส่วนกรณีที่สันติบอกว่า ได้แจ้งจุดเกิดเหตุแล้ว ตนมองว่า เหมือนเป็นการทำให้ตัวเองรับโทษน้อยที่สุด พยายามทำเหมือนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ เพื่อการพิจารณาคดีของศาลมีเหตุบรรเทาโทษ
ขณะที่คดีนี้ ตามกฎหมายไทย มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา ระบุไว้ว่า ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นคนไทย และมีการแจ้งความดำเนินคดีที่ประเทศไทย แม้จะไปเสียชีวิตที่ต่างประเทศ ก็ต้องมาดำเนินคดีที่ไทย เพราะประเทศไทยมีกฎหมาย อาณาเขตชัดเจน และคดีนี้ มีความเห็นว่าเป็นฆ่าบุคคลแบบเจตนา และเป็นการกระทำโดยการทารุณโหดร้าย เพราะตัวสันติเขาทราบว่าตัวผู้เสียชีวิตตั้งครรภ์ โทษสถานเดียวคือประหารชีวิต ส่วนการตั้งข้อหา เราต้องมาดูอีกทีหลังจากทางไต้หวันส่งหลักฐานกลับมาให้ เป็นเรื่องของทางอัยการ กับตำรวจ ประสานงานกับทางตำรวจไต้หวัน
ในสิทธิ์ของทางพี่ชายที่เป็นผู้เสียหาย สามารถร้องเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมในคดีได้ พร้อมทั้งสามารถเรียกค่าทดแทนต่าง ๆ จากกรณีที่น้องสาวเสียชีวิตได้ ต้องคุยกับทางพนักงานอัยการในเรื่องของตัวเลข
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยว่า มีข้อมูลจากทางญาติของผู้ต้องหา ได้ติดต่อ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองปราบปราม เพื่อขอมอบตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานถึงรูปแบบ และขั้นตอนการมอบตัว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และทางศาลอาญาได้มีหมายจับ 1155/2565 ในอายุความ 20 ปี ส่วนกรอบเวลาการมอบตัวยังคงตกลงกันอยู่ ถ้าหากเขามามอบตัวแล้ว เรื่องการประกันตัวก็เป็นสิทธิ์ของเขาในการยื่นประกันตัว ส่วนดุลยพินิจในการอนุญาตอยู่ที่พนักงานสอบสวน หรือศาล แล้วแต่กรณี
ขณะที่ ตัวผู้ต้องหา ได้รับรายงานมาว่า มีการเคลื่อนไหวแถว อ.ไชยปราการ และ อ.สันทราย ที่ จ.เชียงใหม่ ทางตำรวจกองปราบปราม ชุดหนุมาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจสืบสวนภาค 5 ที่เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ไปแล้ว ที่สำคัญเราได้ประสานงานกับทาง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองภาค 5 ที่ดูแลภาคเหนือ และกองกำกับการ ตชด.33 เพื่อที่จะคอยสกัดกั้นไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางปกติ และทางธรรมชาติ