"อัจฉริยะ" เผย หลักฐานเด็ด "คดีแตงโม" ต่อหน้า แต๊งค์-ต่าย หลังถูกแม่ พนิดา กับ ส.ส.เต้ ถอนอำนาจการฟ้อง ลั่นรู้อยู่แล้วว่าเป็นเกมหักหลัง
อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ - ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเล่าว่า หลักฐานที่อยากให้ ต่าย สายธาร และ แต๊งค์ พงศกร ดูคือวิดีโอกับภาพนิ่ง เกี่ยวกับเหตุการณ์บนเรือ ซึ่งมันจะเห็นคราบเลือด เลยอยากให้ทั้งคู่ได้ดู เพื่อให้เขามั่นใจในสิ่งที่ยังคงสงสัยอยู่
ส่วนสถานการณ์ล่าสุดที่ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ตนไม่รู้สึกอะไร เพราะเหตุการณ์เมื่อวาน (14 มิ.ย. 65) ตนรู้สึกว่าถูกหยามมาก เนื่องจากตนถูกยกเลิกหนังสือมอบอำนาจการฟ้อง ทั้งที่ตัวเองได้แจ้งเขาก่อนล่วงหน้าแล้ว และได้ดำเนินการฟ้องตามที่ แม่ของแตงโม ต้องการเลย คือมาตรา 290 และมีมาตรา 288 ประกอบ รวมแล้วทั้งหมด 8 มาตรา โดยเขาพูดมาตลอดว่าแม่อยากฟ้องมาตรา 290 และบอกว่าแม่ไม่อยากขึ้นศาล ตนก็รับอำนาจไปขึ้นศาลแทน
อัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนรู้อยู่แล้วว่านี่คือเกมหักหลัง เพราะตอนมอบอำนาจนั้นมี 2 คน แต่ตอนที่เขาส่งเอกสารมาถอนอำนาจ อีกคนเขาไม่ได้ถอน ส่งชื่อมาถอนก็ผิด แสดงว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ส่งมาแบบมั่ว ๆ แบบนี้มันจะเสียหาย ส่วนเรื่องการหักหลังนี้ ขอบอกว่า นักการเมืองสามารถทำได้ทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ตนได้วางหมากไว้แล้ว โดยทีมทนายของตนได้ยื่นสอดไว้แล้วว่าอาจจะมีการถอนคดีนี้ ต้องมีการไต่สวนทนายก่อน โดยศาลได้นัดไต่ส่วนวันที่ 20 ก.ค. 65 09.00 น. หมายความว่านับตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 20 ก.ค. 65 ห้ามมีการขยับใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องมีการไต่สวนเพื่อที่จะถอนทนายก่อน และศาลก็จะอธิบายกับแม่ว่า หากมีการถอนทนาย ถอนคำฟ้อง เขาจะไม่มีสิทธิ์ฟ้องซ้ำแล้ว เพราะตนได้ฟ้องมาตรา 290 ไปแล้ว จะเสียสิทธิ์ไปเลย ทีนี้เขาเลยจะนำสำนวนที่ตนนำไปฟ้องมาใช้
ขณะเดียวกันในเรื่องของคดี จากที่ตนมีรูปคราบเลือดจากบนเรือนี้ จึงร้องขอให้มีการตรวจเรือใหม่ แต่ตนก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าให้ตรวจ หากได้ตรวจว่ามีคราบเลือดหรือไม่ ก็จะช่วยคลายความแคลงใจต่อกระบวนการสืบสวนด้วย ส่วนที่ตนจะไปฟ้องมาตรา 288 เพราะพบว่ามันมีการใช้วัตถุที่ออกฤทธิ์กับจิตและประสาท เราจึงไปตรวจสอบว่ายาที่แตงโมใช้รักษา กับสารจากผลนิติเวช มันคนละตัวกัน อีกประเด็นคือ บาดแผลที่ขา ที่มันไม่ได้ตรงกับใบพัด และได้มีตรวจสอบแล้วว่า แผลนี้เกิดก่อนการเสียชีวิต และเกิดขึ้นบนบก ประเด็นสุดท้ายคือ คนบนเรือช่วยกันปกปิดซ่อนเร้นร่วมกัน
ด้าน แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ - เพื่อนสนิทแตงโม เผยความรู้สึกหลังจากได้เห็นภาพหลักฐานที่ทาง อัจฉริยะ นำมาให้ดูว่า ตนไม่ขอเข้าข้างใคร ขอดูหลักฐานที่มันชัดเจนที่สุด โดยหน้าที่หลักของตนไม่ใช่หน้าที่ทางกฎหมายใด ๆ แต่เพียงอาจจะมีแสงในตัว สามารถออกมาพูดหรือตั้งคำถามแทนประชาชนได้ โดยหลักฐานที่ทางอัจฉริยะนำมาให้ดูเป็นภาพคราบเลือด พอตนได้ดูแล้วก็ได้คิดว่า หากสมมติตนเป็นเปาบุ้นจิ้น มีคนนำหลักฐานเพียงแค่ภาพคราบเลือดมาให้ จะสามารถทำอะไรได้ เนื่องจากตอนนี้ทุกคนรู้ว่าหลักฐานที่ตำรวจมีคือ ไม่มีคราบเลือดบนเรือ แบบนี้จะทำให้ประชาชนสงสัยว่าทางอัจฉริยะมีภาพคราบเลือดนี้มาได้อย่างไร แล้วศาลจะต้องฟังใคร ซึ่งสุดท้ายก็ต้อนย้อนไปถึงระบบสืบสวนสอบสวนกระบวนการยุติธรรมในบ้านเรา
การที่ตนกับเพื่อนอีกหลายคนโดนสังคมโจมตี จริง ๆ แล้ว ทุกคนล้วนรักแตงโมหมด พอโดนแบบนี้ก็มีน้อยใจบ้าง แต่ก็ยังพร้อมที่จะให้ข้อมูลทุกอย่าง พร้อมช่วยทุกคน และมุมมองต่ออัจฉริยะ ว่าเป็นคนที่เข้ามาช่วยคดีด้วยใจจริง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่ต้องมารับมือรับบาทาจากคนที่มาโจมตี และก็เป็นห่วงด้านคุณแม่เหมือนกัน ว่าควรจะมีจุดยืนได้แล้ว ฟังใครและร่วมมือกับใครสักคน ไม่ใช่เซไปเซมาแบบตอนนี้
ส่วน สายธาร นิยมการณ์ - นักแสดงและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวหลังจากได้เห็นหลักฐานจากคุณอัจฉริยะว่า วันนี้ ตนมาในนามขอกู้ภัยและประชาชนคนหนึ่ง จะพูดเท่าที่พูดได้ โดยตนคิดว่าสิ่งที่ได้เห็นจาก อัจฉริยะ ค่อนข้างที่จะมีเปอร์เซ็นทำให้เรายืนยันในสิ่งที่เราเชื่อมั่นสูง ประกอบกับการที่ได้ตามข่าวจาก พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ - อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ พญ. คุณหญิง พรทิพย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผลทางนิติวิทยาศาสตร์ และการตัดสินของศาลซึ่งตนสงสัยในคดีนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลแบบก้างปลา ที่เกิดจากใบพัด คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่แตงโมจะตกจากท้ายเรือ