logo ถกไม่เถียง

มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค ‘อัจฉริยะ’ ขอเปิดหลักฐานเด็ดต่อหน้า ‘ต่าย สายธาร’

ถกไม่เถียง : ความคืบหน้าล่าสุดใน คดีแตงโม เกิดความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง หลังจากคุณแม่ พนิดา ร่วมกับ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ปลด อัจฉริยะ ฟ้าผ่า อ้างดำ ถกไม่เถียง,ทิน โชคกมลกิจ,หลักฐานสำคัญ,หลักฐานเด็ด,คดีแตงโม,แตงโมตกเรือ,ภนิดา,แมี,ทนาย,เปลี่ยนทนาย,ปลดอัจฉริยะ,อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์

6,229 ครั้ง
|
15 มิ.ย. 2565
ความคืบหน้าล่าสุดใน “คดีแตงโม” เกิดความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง หลังจากคุณแม่ พนิดา ร่วมกับ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ปลด “อัจฉริยะ” ฟ้าผ่า อ้างดำเนินการโดยพลการ งานนี้ อัจฉริยะ จึงเดินหน้าเปิดหลักฐานเด็ดให้ ต่าย-แต๊งค์ ดูในรายการ “ถกไม่เถียง”
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             วันที่ 15 มิ.ย. 2565 อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ - ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า หลักฐานที่อยากให้ ต่าย สายธาร และ แต๊งค์ พงศกร ดูคือวิดีโอกับภาพนิ่ง เกี่ยวกับเหตุการณ์บนเรือ ซึ่งมันจะเห็นคราบเลือด เลยอยากให้ทั้งคู่ได้ดู เพื่อให้เขามั่นใจในสิ่งที่ยังคงสงสัยอยู่หลาย ๆ อย่าง
 
             จาก ล่าสุดที่ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ - หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ขอพูดความในใจนะครับ ผมเหนื่อยมาก กับ การคืนความยุติธรรมให้คดีแตงโม ผมอ่อนล้ามาก ตั้งแต่ 25 ก.พ. 65 ถึง ปัจจุบัน อยาก Move on ปล่อยวางฝาก พี่อัจฯ ดูต่อด้วยครับ” ตนไม่รู้สึกอะไร เพราะเหตุการณ์เมื่อวาน (14 มิ.ย. 65) ตนรู้สึกว่าถูกหยามมาก เพราะตนถูกยกเลิกหนังสือมอบอำนาจการฟ้อง ทั้งที่ตัวเองได้แจ้งเขาก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งตนก็งงว่ามันคือเรื่องอะไร เพราะตนก็ฟ้องตามที่ พนิดา ศิริยุทธโยธิน - แม่ของแตงโม ต้องการเลย คือมาตรา 290 และมีมาตรา 288 ประกอบ รวมแล้วทั้งหมด 8 มาตรา โดยเขาพูดมาตลอดว่าแม่อยากฟ้องมาตรา 290 และบอกว่าแม่ไม่อยากขึ้นศาล ตนก็รับอำนาจไปขึ้นศาลแทน
 
             ตอนที่เขาส่งแฟกซ์มาขอยกเลิกหนังสือมอบอำนาจ ตอนนั้นยังไม่มีลายเซ็นแม่เลย จึงบอกกับเจ้าหน้าที่หน้าศาลตรงนั้นว่า นี่เป็นหนังสือที่ส่งมาโดยมิชอบ จะรับฟ้องได้อย่างไร แถมยังเลยเวลาราชการแล้วอีก พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตนก็พยายามติดต่อกลับ ส.ส.เต้ แต่เขาไม่รับสาย
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             ทั้งนี้ ตนก็เห็นเจตนาของเขาชัดแล้ว เพราะระหว่างที่ตนอยู่ที่ศาล เขาได้มีการประชุมกัน จนมาไลฟ์สดโต้เลยว่า เขาได้ยกเลิกหนังสือมอบอำนาจแล้ว และแม่ได้บอกว่าขอหนังสือมอบอำนาจคืนมาแล้ว 2-3 วัน แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มีการแจ้งก่อน เพิ่งยกเลิกเมื่อวาน ตอน 17.00 น. ในหนังสือเอกสารลงวันที่ 14 มิ.ย. 65 ด้วย และถ้าตามกฎหมายต้องเป็นคุณแม่ที่ต้องเป็นคนยกเลิก แต่ตนก็ไม่เคยได้คุยกับคุณแม่เลย ซึ่งตนมองว่า ถ้าจะถอนตนออก มาทำวันรุ่งขึ้นที่ศาลก็ได้
 
             ส่วนเหตุผลที่เขาถอนตนออก ตนคิดว่า เป็นเพราะตนไม่ได้ให้ดูหลักฐานสำคัญ แต่พวกหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ หรือจากแพทย์ เราให้ดู สาเหตุที่ตนไม่ให้ดูหลักฐานสำคัญเพราะ ไม่ไว้ใจ เนื่องจากหลักฐานพวกนี้มันมีราคา หากหลุดออกไป เขาจะเอาไปต่อรองราคาได้
 
“คือผมรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งต้องโดนเท เพราะวันก่อนหน้านี้เขาก็ไป Safe house เราก็เอาหลักฐานเราให้ดู แต่รูปบางอย่างผมไม่ให้ดูเพราะผมไม่ไว้ใจ” อัจฉริยะ กล่าว
 
             อัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนรู้อยู่แล้วว่านี่คือเกมหักหลัง เพราะตอนมอบอำนาจนั้นมี 2 คน แต่ตอนที่เขาส่งเอกสารมาถอนอำนาจอีกคนเขาไม่ได้ถอน ส่งชื่อมาถอนก็ผิด แสดงว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ส่งมาแบบมั่ว ๆ แบบนี้มันจะเสียหาย ส่วนเรื่องการหักหลังนี้ ขอบอกว่า นักการเมืองสามารถทำได้ทุกอย่าง
 
             อย่างไรก็ตาม ตนได้วางหมากไว้แล้ว โดยทีมทนายของตนได้ยื่นสอดไว้แล้วว่าอาจจะมีการถอนคดีนี้ ต้องมีการไต่สวนทนายก่อน โดยศาลได้นัดไต่ส่วนวันที่ 20 ก.ค. 65 09.00 น. หมายความว่านับตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 20 ก.ค. 65 ห้ามมีการขยับใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องมีการไต่สวนเพื่อที่จะถอนทนายก่อน และศาลก็จะอธิบายกับแม่ว่า หากมีการถอนทนาย ถอนคำฟ้อง เขาจะไม่มีสิทธิ์ฟ้องซ้ำแล้ว เพราะตนได้ฟ้องมาตรา 290 ไปแล้ว จะเสียสิทธิ์ไปเลย ทีนี้เขาเลยจะนำสำนวนที่ตนนำไปฟ้องมาใช้
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             ขณะเดียวกันในเรื่องของคดี จากที่ตนมีรูปคราบเลือดจากบนเรือนี้ จึงร้องขอให้มีการตรวจเรือใหม่ แต่ตนก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าให้ตรวจ ถ้าโปร่งใสจริงก็ต้องให้ตรวจ หากได้ตรวจว่ามีคราบเลือดหรือไม่ ก็จะช่วยคลายความแคลงใจต่อกระบวนการสืบสวนด้วย ส่วนที่ตนจะไปฟ้องมาตรา 288 ที่เกี่ยวกับเจตนาฆ่า เพราะ พบว่ามันมีการใช้วัตถุที่ออกฤทธิ์กับจิตและประสาท เราจึงไปตรวจสอบว่ายาที่แตงโมใช้รักษา กับสารจากผลนิติเวช มันคนละตัวกัน อีกประเด็นคือ บาดแผลที่ขา ที่มันไม่ได้ตรงกับใบพัด และได้มีตรวจสอบแล้วว่า แผลนี้เกิดก่อนการเสียชีวิต และเกิดขึ้นบนบก ประเด็นสุดท้ายคือ คนบนเรือช่วยกันปกปิดซ่อนเร้นร่วมกัน เพราะตามปกติแล้วหากเพื่อนตกน้ำ ยังไงก็ต้องอยู่ในที่เกิดเหตุ 
 
             คดีนี้มันมีความผิดปกติหลายอย่าง เรือนี้ก็ไม่มีการอายัด โดย วันที่ 24 ก.พ. 65 หลังที่เกิดเหตุ ก็มีการนำเรือออกมาขับช่วง 02.00 น. - 04.00 น. เส้นผมก็มาเจอวันที่ 4 แก้วไวน์ก็มาเจอวันที่ 5 ที่สำคัญ คราบเลือดเขาก็ตรวจที่สว่าง ซึ่งมันผิดหลักการตรวจ หากตรวจในที่มืดยังไงก็เจอ และเรือนี้ก็มีห้องว่างใต้เรืออยู่ 4 ช่อง บริเวณหัวเรือ ตรงกลาง และท้ายเรือ มีห้องโล่งสำหรับคนเข้าไปนอนได้ และห้องน้ำก็ไม่ได้เสีย ตนมีหลักฐานยืนยัน จึงได้มีการข้อร้องเรียนให้ตรวจเรือใหม่ โดยให้เป็นศูนย์พิสูจน์หลักฐานกลางที่ไม่ใช่จากปทุมธานี หรือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้ตน หรือสื่อมวลชน หรือ พญ. คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ เข้าร่วมในการตรวจสอบ เพื่อเป็นสักขีพยาน โดยจำกัดวงเข้าไปเพื่อชี้จุดต่าง ๆ เท่านั้น       
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             ด้าน แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ - เพื่อนสนิทแตงโม เผยความรู้สึกหลังจากได้เห็นภาพหลักฐานที่ทาง อัจฉริยะ นำมาให้ดูว่า ต้องเรียนก่อนว่าตนไม่ขอเข้าข้างใคร ขอดูหลักฐานที่มันชัดเจนที่สุด โดยหน้าที่หลักของตนไม่ใช่หน้าที่ทางกฎหมายใด ๆ แต่เพียงอาจจะมีแสงในตัว สามารถออกมาพูดหรือตั้งคำถามแทนประชาชนได้ ซึ่งตอนนี้ตนรวมถึงประชาชนทุกคนได้ติดตามอัจฉริยะอยู่ ล้วนมีความคลางแคลงใจว่าเป็นเหตุฆาตกรรม ซึ่งสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นก็คือตัวหลักฐาน และตอนนี้ตนได้เห็นแล้วในส่วนที่คนอื่น ๆ อาจจะยังไม่เคยเห็น
 
             โดยหลักฐานที่ทางอัจฉริยะนำมาให้ดูเป็นภาพคราบเลือด พอตนได้ดูแล้วก็ได้คิดว่า หากสมมติตนเป็นเปาบุ้นจิ้น มีคนนำหลักฐานเพียงแค่ภาพคราบเลือดมาให้ จะสามรถทำอะไรได้ หลักฐานแน่นพอไหม และสามารถนำไปสู่อะไรได้อีก เนื่องจากตอนนี้ทุกคนรู้ว่าหลักฐานที่ตำรวจมีคือ ไม่มีคราบเลือดบนเรือ แบบนี้จะทำให้ประชาชนสงสัยว่าทางอัจฉริยะมีภาพคราบเลือดนี้มาได้อย่างไร แล้วศาลจะต้องฟังใคร ซึ่งสุดท้ายก็ย้อนไปถึงระบบสืบสวนสอบสวนกระบวนการยุติธรรมในบ้านเรา
 
             แต๊งค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเป็นคนไม่ฟันธงอยู่แล้ว เพราะตนจะไม่ตัดประเด็นไหนออก จะรอดูที่หลักฐาน รวมทั้งการพิสูจน์ต่าง ๆ โดยเชื่อว่าวิทยาศาสตร์จะต้องมีเหตุและผลของมัน และอย่างที่อัจฉริยะบอก ต้องรอพิสูจน์เรื่องคราบเลือดนี้ด้วยเช่นกันว่ามาจากไหน เป็นของใคร เพราะอย่างที่รู้ตั้งแต่เริ่มต้นคดี แผลก็ไม่ตรงตามรอยใบพัด ทั้งที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีคนนอกร่วมตรวจสอบหลักฐาน ทางทนายก็ยื่นคำร้องต่อกรรมาธิการ เพราะไม่อยากให้มีใครมาแทรกแซงการทำงานของตำรวจ
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             สำหรับ เรื่องที่ลบโพสต์เกี่ยวกับแตงโม เป็นเหตุผลส่วนตัว เพราะตนก็มีครอบครัวแล้ว เพียงแค่อยากจะมูฟออน แต่ตนและด้านครอบครัวก็คอยช่วยแตงโมมาตลอด ในช่วงชีวิตที่รู้จักกับแตงโมมา แตงโมเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นโรคที่ไม่หายขาด ถ้าภูมิคุ้มกันตกมันจะกลับมา ตนเคยเจอแตงโมช่วงที่ตกต่ำที่สุดคือ ตอนที่ โสภณ พัชรวีระพงษ์ - พ่อของแตงโม เสียชีวิต แต่หลังที่เบิร์ดเข้ามาทุกอย่างก็ดีขึ้น และขอยืนยันว่า แตงโมใช้ชีวิตไม่โลนโผด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือ
 
             การที่ตนกับเพื่อนอีกหลายคนโดนสังคมโจมตี จริง ๆ แล้ว ทุกคนล้วนรักแตงโมหมด พอโดนแบบนี้ก็มีน้อยใจบ้าง ที่ผ่านมาอาจกระทบกระทั่งกับคนอื่นบ้าง อย่างที่โดน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ - อดีตทนายความของแม่แตงโม ฟ้องเพราะปกป้อง พญ. คุณหญิง พรทิพย์ หรือที่ว่าแม่เพราะแม่พูดถึงพ่อของแตงโม แต่ตอนนี้ก็ยังพร้อมที่จะให้ข้อมูลทุกอย่าง พร้อมช่วยทุกคน
 
แต๊งค์ ยังได้เผยมุมมองต่ออัจฉริยะ ว่าเป็นคนที่เข้ามาช่วยคดีด้วยใจจริง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่ต้องมารับมือรับบาทาจากคนที่มาโจมตี และก็เป็นห่วงด้านคุณแม่เหมือนกัน ว่าควรจะมีจุดยืนได้แล้ว ฟังใครและร่วมมือกับใครสักคน ไม่ใช่เซไปเซมาแบบตอนนี้
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             ส่วน สายธาร นิยมการณ์ - นักแสดงและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวหลังจากได้เห็นหลักฐานจากคุณอัจฉริยะว่า วันนี้ ตนมาในนามขอกู้ภัยและประชาชนคนหนึ่ง จะพูดเท่าที่พูดได้เนื่องจากจะส่งผลต่อองค์กร ตนคิดว่าสิ่งที่ได้เห็นจาก อัจฉริยะ ค่อนข้างที่จะมีเปอร์เซ็นทำให้เรายืนยันในสิ่งที่เราเชื่อมั่นสูง ประกอบกับการที่ได้ตามข่าวจาก พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ - อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ พญ. คุณหญิง พรทิพย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผลทางนิติวิทยาศาสตร์ และการตัดสินของศาลซึ่งตนสงสัยในคดีนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลแบบก้างปลา ที่เกิดจากใบพัด คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่แตงโมจะตกจากท้ายเรือ
 
ถกไม่เถียง : มหากาพย์ยิ่งกว่าหนังไตรภาค อัจฉริยะ
 
             ต่าย เล่าเหตุการณ์วันที่ค้นหาแตงโมว่า ตนและทีมงานได้ทำงานอยู่ 38 ชั่วโมง นับได้ว่าเป็นเคสที่หนักมาก มีทีมงานดำน้ำค้นหาจนเส้นเลือดฝอยในตาแตก และเป็นตะคริว และในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ มีทีมงานมาเล่าให้ตนฟังว่า คนบนเรืออยู่ในสภาพที่เมา ชี้จุดที่คุณแตงโมตกเรือไปคนละทาง พร้อมกับด่ากู้ภัยว่ามาช้า คิดว่ากู้ภัยมาจากใต้น้ำ ตนจึงชี้แจงว่าการทำงานกู้ภัยมีระบบแบบแผน ทีมงานกู้ภัยอาศัยอยู่บนบก ต้องใช้เวลาเดินทาง ซึ่งคนบนเรือได้ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์นี้แล้ว
 
ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com
 
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/RmMX9RSTA9U