เรื่องราวของหนุ่มช่างแอร์ ที่รู้จักกับสาวสวยคนหนึ่งจากแอปฯ TikTok และได้มีการพูดคุยกันอย่างถูกคอ จนนำมาสู่การโอนเงินเปย์นับล้าน! แต่สุดท้ายก็ได้มารู้ความจริงว่ากำลังถูกหลอก จึงนำมาสู่การร้องทุกข์ผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ในวันนี้
คุณ บรรจง ยุงรัมย์ ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนรู้จักผู้หญิงคนนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 64 ตนชื่นชอบสไตล์การแต่งตัวของเขา จึงขอเฟซและไลน์ และได้คุยกันจนถูกคอ หลังจากที่รู้จักกันได้เพียงแค่สองวัน เขาขอเงินก้อนแรก 3,000 บาท เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 64 เพื่อไปจ่ายหนี้ค่าหวย ยอมรับว่าตนยังไม่เคยเจอตัวจริง แต่ตอนเขาขอเงินครั้งแรกได้มีการวิดีโอคอลคุยกันจึงทำให้เชื่อใจ ที่ตัดสินใจโอนไปเพราะอยากลองใจเขา เมื่อมีครั้งแรก ก็มีอุบายครั้งที่สอง โดยการขอเงินไปจ่ายค่าครีม เขามีการปล่อยเงินกู้ด้วย แต่เขาไปตามเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ จึงขอช่วยอีก 5,000 บาท ช่วงนั้นมีการคุยกันทุกวัน มีวิดีโอคอลบ้าง ตนไม่ค่อยมีเวลา ส่วนมากจะได้คุยกันช่วงเย็น ครั้งละ 5-10 นาที ส่วนมากเขาจะคุยเรื่องหนี้สิน และเรื่องการเล่นแชร์
ตนเคยถามเขาว่า “น้องมีแฟนไหม” เขาบอกว่าเคยมี แต่เลิกกันไปแล้ว และมีลูกติดด้วย ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีอุบายเดือดร้อนเงินเรื่อย ๆ ตนก็โอนไปให้ แต่ก็มีความหวังว่าจะได้เงินคืนด้วย อย่างช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาขอเงินไปจัดงานแต่งน้องสาว และรับปากว่าหลังจัดงานเสร็จ จะหาเงินมาคืนให้ แต่เมื่อจบงานก็เงียบหายไป และมีอุบายอื่นเข้ามาแทน เพื่อเป็นเหตุผลที่จะไม่เอาเงินมาใช้
คุณ บรรจง เผยว่า ยังไม่เคยเจอกับผู้หญิงคนนี้เลย เพราะตนอยู่ที่ จ.ชลบุรี ส่วนเขาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด แต่เคยโอนเงินไปให้ โดยมียอดโอนสูงสุดคือ 110,000 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้เขาขอไปโดยอ้างว่าจะไปทำธุระที่กรุงเทพฯ และจะได้เงินก้อนกลับมา 800,000 บาท เพื่อจะนำมาแบ่งกันเอาไปใช้ทำอะไรที่อยากทำ
คุณ บรรจง เล่าถึงที่มาของเงินทั้งหมดว่า ตนได้นำรถยนต์สองคันไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อหาเงินมาให้เขา เคยคุยกับเขาเรื่องการสร้างอนาคตร่วมกัน เขายืนยันว่าเขาโสด แต่ก็ให้ช่วยเหลือเขาก่อน และสักวันหนึ่ง เรื่องทั้งหมดจะดีขึ้นเอง ตนได้นำเรื่องของเขาไปเล่าให้พ่อและแม่ฟังแล้ว และหวังว่าวันหนึ่งจะได้เจอกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอ แต่มีครั้งหนึ่ง เขาขอเจอตนช่วงสงกรานต์ เขาชวนไปพูลวิลล่าที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ตนไม่มีเงินเหลือแล้ว และมีลางสังหรณ์ว่าเขาชวนไปเพื่อให้ตนไปจ่ายเงินให้ ตนจึงปฏิเสธในครั้งนั้น
คุณ บรรจง ยอมรับว่าตอนนี้หมดตัวแล้ว ตอนแรกที่เปิดใจคุยกับทางครอบครัวก็โดนด่ากลับมา แต่สุดท้ายก็เข้าใจกัน ตนรู้ชัดเจนว่าโดนหลอก จากการให้น้องชายที่มีโปรไฟล์ดีไปลองจีบผู้หญิงคนนี้ดู ซึ่งเขาก็ตอบรับและมีการแลกเฟซกัน ตอนแรกตนเคยเป็นเพื่อนในเฟซกับผู้หญิงคนนี้ และมักจะนำรูปตัวเองกับรูปของเขามาลงคู่กัน เขาก็จะโทรมาบอกให้ลบ โดยอ้างว่าจะมีคนมาตามเรื่องหนี้สิน ซึ่งจะทำให้ตนเดือดร้อน และอีกครั้งหนึ่งที่แฟนคนแรกของเขาโทรมาถามว่า "เป็นอะไรกัน" ตอนนั้นตนก็ถามกลับไปว่า "คุณเป็นใคร" เขาก็บอกว่า “เป็นแฟน” และด่ากลับมา นอกจากนั้นยังส่งรูปคู่มาให้ดู ตนจึงสอบถามไปทางผู้หญิง ซึ่งเขาก็บอกว่าเลิกกับผู้ชายคนดังกล่าวไปแล้ว แต่เมื่อตนนำรูปต่าง ๆ มาปะติดปะต่อกัน จึงพบว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน
และสุดท้าย ตนได้ทราบข้อมูลจากพลเมืองดีท่านหนึ่งที่ส่งมาให้ว่า ผู้หญิงคนนี้เคยได้เงินหลักล้านมาแล้ว เขาถามตนว่า “พี่รู้ตัวไหมว่าพี่โดนหลอก” ตนยอมรับว่าตนไม่รู้เลย จึงถามกลับไปว่า “แล้วน้องรู้ได้อย่างไร” เขาจึงบอกว่า “ผู้หญิงคนนี้มีสามีแล้วสองคน” และที่เจ็บที่สุดคือรู้ว่า “เขาเอาเงินของเราไปเปย์ผู้ชาย”
ครั้งล่าสุดที่ได้คุยกับเขาคือเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 65 ตอนนั้นตนอยากได้เงินคืน จึงออกอุบายว่าตนดื่มเหล้า เมา จึงโดนตำรวจจับ และถามไปว่าพอจะมีเงินมาช่วยไหม เขาก็เงียบไป จนถึง ณ ตอนนี้ ตนอยากได้เงินคืนมากที่สุด และอยากให้คดีนี้คืบหน้า สิ่งที่เสียไปทั้งหมดนั้นคือน้ำพักน้ำแรงที่เก็บมาทั้งชีวิต
ทนาย สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม มองประเด็นนี้ว่า อย่างแรก ผู้เสียหายไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 65 ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะหลบหนีไปเสียก่อน โดยคดีนี้หลัก ๆ แล้วมี 2 ข้อหาคือ ฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาที่สองคือ การหลอกในระบบคอมพิวเตอร์ ผิด พรบ. คอมฯ มาตรา 14 อนุ 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการสรุปสำนวน เพื่อออกหมายจับได้เลยตาม ป.วิอาญา มาตรา 66/1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
นอกจากนั้น ทนาย สงกาญ์ ได้ฝากถึง ผู้กำกับ สภ.หนองปรือ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ผู้บังชาการตำรวจภูธรภาค 2 ว่า เมื่อเห็นพฤติการของผู้ต้องหารายนี้แล้ว ทำให้หวั่นวิตกว่าเหยือทางโซเชียลอาจจะเจอการหลอกลักษณะเช่นนี้ ให้รีบสรุปสำนวน เพื่อออกหมายจับโดยเร็ว และให้อายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหารายนี้ด้วย
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com