ตามกันต่อกับคดีดาราสาว “แตงโม นิดา” ตกเรือ โดยล่าสุด “ส.ส.เต้” ควงคุณแม่เข้ารับหลักฐานคืนจาก “บังแจ็ค” และจากกรณี ส.ส.เต้ ด่า-ข่มขู่ อดีตทนายคุณแม่ เรื่องราวนี้ชักบานปลายไปเรื่อยๆ จะสามารถปิดฉากได้อย่างไร คงต้องตามกันต่อไป
วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ด้าน พงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊งค์ เพื่อนสนิทแตงโม เปิดเผยว่า แฮชแท็ก “ด่ากันไปก็เท่านั้นช่วยกันคิดดีกว่า” ตนตั้งเพื่อเตือนสติตนเองเพราะด่าคนอื่นมาเยอะแล้ว การที่เราด่ากันไปมาไม่ทำให้อะไรคืบหน้าเลย ดังนั้น มาช่วยกันคิดจะดีกว่า เพราะตอนนี้เหมือนคนรอบนอกทะเลาะกันเอง อยากให้ทุกคนกลับมารักษาจุดยืนของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคดีคุณแตงโม ใครช่วยอะไรได้ ก็ให้ช่วยกันอย่างเต็มที่ แต่อย่าให้ไปกระทบชื่อเสียงของคุณแตงโมที่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะคนตายพูดไม่ได้
ตอนนี้ตนอยากโฟกัสไปที่คุณแม่ - ภนิดา ศิริยุทธโยธิน เพราะคุณแม่เป็นผู้เสียหาย ดังนั้นถ้าคุณแม่ดำเนินไปอย่างถูกทาง คดีนี้ก็จะคืบหน้าไปในทางที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันฌาปณกิจคุณแตงโม ตนก็ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย แต่อยากให้คุณแม่ปรึกษาคนใกล้ตัวก่อน เริ่มจากคนในครอบครัว และอยากถามว่าคุณแม่ได้ฟังพี่ต่อย - ดายศ เดชจบ (พี่ชายคุณแตงโม) หรือไม่ เพราะมีแต่พี่ต่อยฟังคุณแม่ แต่คุณแม่เลือกที่จะฟังคนนอกมากกว่า
ในส่วนประเด็นที่ออกมาโพสต์ข้อความ “หนีเสือปะจระเข้” คุณแต๊งค์ ได้อธิบายว่า พูดตามตรงคือ การที่หลุดออกจากทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ อดีตทนายของคุณแม่ มาเจอกับ ส.ส.เต้ - มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เพราะ ส.ส.เต้ ออกโรงมาปกป้องบังแจ็ค ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าวิธีการทำงานของบังแจ็คนั้นเป็นอย่างไร แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการทำงานนี้จะตรงไปตรงมา พร้อมฝากคำถามว่า นี่คือวิธีการที่ดีหรือ?
สำหรับประเด็นที่ คุณแต๊งค์ ต้องไปกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ในวันนี้ เพื่อไปรับกล่องที่ถูกส่งมาจากสหรัฐฯ นั้น ได้เปิดเผยว่า คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้คือคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งตนขอโทษสำหรับเรื่องที่คุยค้างกันไว้ ทั้งนี้ เขาเกริ่นมาว่าจะชวนตนไปด้วย ไม่ได้พูดรายละเอียดเรื่องหลักฐาน แต่ประเด็นหลักคือต้องการเคลียร์เรื่องโพสต์ของตน ซึ่งตนมีจุดยืนอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่ทำให้กระทบกับชื่อเสียงของคุณแตงโม ตนก็ต้องออกมาสู้ด้วย
คุณแต๊งค์ ได้กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้บังแจ็คมีข้อดีอย่างหนึ่งคือทำให้ทนายเดชาหลุดออกจากคุณแม่ได้ แต่ส่วนที่เหลืออย่างการแบล็คเมล์คุณกระติก - อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ เป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และกรณีนี้ ตนไม่ปกป้องคุณกระติก แต่ตนปกป้องคุณแตงโม ส่วนคนอื่นที่อยู่ในทีมอย่างคุณอัจฉริยะนั้นตนไม่มีปัญหา ส.ส.เต้ ก็ให้สังคมตัดสินไป ส่วนแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นบุคคลที่ตนเคารพมาก อยากให้แนวทางในการทำคดีนี้เริ่มต้นจากบาดแผลดีกว่า เพราะคุณหญิงหมอมีข้อมูลนี้อยู่ และอยากให้โอกาสผู้เชี่ยวชาญด้านเรือที่มีความรู้จริง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศมากกว่า อย่าไปคาดหวังกลับคลิปหรืออะไรที่ส่งมาจากเมืองนอกเลย
คุณแต๊งค์ ได้ถามทนายอู๋ กลางรายการเกี่ยวกับประเด็นบังแจ็คว่า วันที่คุณกระติกไปออกรายการหนึ่ง แล้วให้สัมภาษณ์กับนักข่าว และมีไลน์โทรเข้ามา มีคลิปภาพที่ไม่เหมาะสมปรากฏซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น ตนได้ทราบจากนักข่าวท่านหนึ่งที่เล่ารายละเอียดคลิปนั้นให้ฟัง ทำให้นึกออกว่าคลิปนั้นคือคลิปอะไร ซึ่งคลิปดังกล่าว เป็นรูปที่คุณแตงโมเคยโพสต์ในอินสตาแกรมแล้ว เป็นภาพนิ่ง แต่ที่ส่งมาวันนั้นเป็นวิดีโอเบื้องหลังของการถ่ายภาพนั้น ซึ่งเมื่อเป็นภาพเคลื่อนไหวจึงมีความไม่เหมาะสม ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีเลย แต่บังแจ็คเผยคลิปออกมาเพื่อกดดันผู้ต้องหาให้รับสารภาพ ตนยอมรับในเรื่องของเจตนา แต่ไม่ยอมรับเรื่องวิธีการที่ทำให้เกิดผลกระทบกับคุณแตงโม เป็นเช่นนี้แล้วเราจะเชื่อถือหลักฐานที่เขามีอยู่ได้อย่างไร
ขณะที่ บัญชา สุชญา หรือ ทนายอู๋ เจ้าของเพจทนายอู๋สู้คดีเคียงข้างคุณ กล่าวว่า ตอนนี้มีการแต่งตั้งทนายที่เข้าไปมีส่วนร่วมคดี ว่าความ ดูสำนวน หรืออะไรก็ตาม โดยคนนั้นจะเป็น คุณอัจฉริยะ ส่วนตนจะเป็นโฆษก เป็นที่ปรึกษา คอยดูแล เป็นปากเป็นเสียงให้กับคุณแม่ เท่าที่เราจะสื่อสารได้ ซึ่งจากที่คุณแม่บอกว่าเห็นหลักฐานบนเรือ ตนก็ได้คุยกับคุณแม่แล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามันคืออะไร ทั้งนี้ ประชาชนสามารถส่งหลักฐานเข้ามาได้ โดยจะมีทีมของพรรคไทยศรีวิไลย์ และทีมของคุณอัจฉริยะ คอยกลั่นกรอง และนำไปเข้าสำนวนคดีต่อไป ซึ่งจะช่วยปลดล็อคความคับข้องใจที่ก่อนหน้านี้ประชาชน หรือทนายต่าง ๆ ไม่สามารถนำเสนอหลักฐานเข้าไปในสำนวนคดีได้เลย เพราะตำรวจปฏิเสธการนำเข้าข้อมูลตลอด
ขณะที่ ประเด็นคุณแม่ไม่ปรึกษาคนรอบตัวก่อนนั้น ทนายอู๋ กล่าวว่า เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตนไม่รู้เรื่องภายในครอบครัว และไม่รู้ว่าทำไมคุณแม่ไม่ไว้วางใจ ทั้งคนในครอบครัว หรือแม้แต่ทนายเดชาในตอนนั้นที่ดูแลคดี ถ้ามองต่อไปต้องถามว่า ทนายเดชา ดูแลคุณแม่อย่างไร คุณแม่ถึงไว้ใจบังแจ็คมากกว่า ส่วนเรื่องหลักฐาน คุณแม่ส่งโทรศัพท์ไปให้บังแจ็คแล้ว ท่านเป็นคนตัดสินใจโดยลำพัง ทำให้ข้อมูลสำคัญหลุดออกไป ถ้าเปรียบก็เหมือนกำลังถูกตกเป็นตัวประกัน ตนจึงได้บอกบังแจ็คว่าอย่าเพิ่งทำอะไร เอาหลักฐานมาให้ทีมดูก่อน เพราะสังคมตอนนี้ก็ไม่ได้เชื่อเขา มองว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ โดยเท่าที่ทราบตอนนี้ นอกจากโทรศัพท์ ก็ยังไม่มีอย่างอื่น
“เมื่อก่อนคุณแม่ที่ดูแลโดยทนายเดชา ดูแลยังไงให้มือถือหลุดไปถึงมือบังแจ็ค” ทนายอู๋ กล่าว
ทนายอู๋ ได้ย้ำว่า ภาพในโทรศัพท์นั้นหายไปจริง ๆ และมั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญอยู่ในนั้น เพราะ ครั้งหนึ่ง คุณปอ - ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หนึ่งในผู้ต้องหา ยังเคยขอให้นักข่าวลบภาพ และฟอร์แมทเมมโมรี่การ์ดกันกลางแจ้งยังทำได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับโทรศัพท์เครื่องเดียวนี้ ทั้งนี้ ก็ต้องมาดูกันว่าภาพที่หายไปนั้นมีอะไรสำคัญบ้าง และสำหรับหลักฐานจากข้อมูลที่บังแจ็คกู้มาได้ ก็ต้องมากรองกันก่อนว่ามันสามารถเข้าสำนวนคดีได้หรือไม่ เพราะอาจจะเป็นหลักฐานเท็จได้ ส่วนวิธีการที่บังแจ็ค นำภาพไม่เหมาะสมของแตงโมมาข่มขู่กระติกนั้น ทนายอู๋ยืนยันว่าไม่เหมาะสมแน่นอน เพราะภาพที่ใช้เกิดก่อนคดี ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย ทำให้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเขา ซึ่งทำให้ตนทำใจลำบากเหมือน “หนีเสือปะจระเข้” อย่างที่คุณแต๊งค์กล่าว
“ภาพที่เปิดตอนโทรไลน์หากระติก ชัดเลยว่าวิธีการบังแจ็คไม่เหมาะสม แต่ถามว่าหลักฐานของเขาจะน่าเชื่อถือไหม ผมถามกลับว่าหลักฐานของตำรวจน่าเชื่อถือขนาดไหน” ทนายอู๋กล่าว
ส่วนเรื่องที่ส.ส.เต้ ไปข่มขู่ทนายเดชา และทนายรณรงค์ นั้นตนไม่เกี่ยว ตอนนี้ตนมาทำงานดูแลเรื่องคดีของคุณแตงโม ส่วนเรื่องอื่น ๆ ถ้าทางพรรคไทยศรีวิไลย์จะแต่งตั้งทีมกฎหมายขึ้นมาก็เป็นอีกส่วนงานหนึ่ง ตนไม่ใช่โฆษกที่ต้องแถลงการณ์ทุกอย่าง
รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวถึง กรณีที่ ส.ส.เต้ ออกมาไลฟ์สด และมีการเอ่ยถึงตนว่า ทำให้ตนเกิดความกลัว เมื่อกลัวจึงปกป้องสิทธิ์ของตัวเองด้วยการไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ปากเกร็ด เพราะต้องการเอาให้ตาย หากต้องการแค่ให้เป็นข่าว ตนก็คงไปที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ถือว่า ส.ส.เต้ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
“เป็นข้าราชการ กินภาษีประชาชน เวลาจะติดต่อสื่อสารอะไร ควรจะทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง” ทนายรณณรงค์ กล่าว
สำหรับคำพูดของ ส.ส.เต้ ที่เอ่ยถึงตนในไลฟ์สดนั้น ทนายรณณรงค์ เผยว่า ตนไปทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประจำ ซึ่งเป็นงานที่สนุก และมีทะเลสวยมาก แต่เมื่อ ส.ส.เต้ ออกมาพูดว่า “ระวังไปภาคใต้ ระวังหายไปเลยนะ” อาจทำให้คนทั่วไปคิดว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเป็นสถานที่ที่อันตรายอยู่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้อันตรายเลย สามารถไปเที่ยวได้ปกติ นี่คือสิ่งที่ตนรับไม่ได้ และตนกับลูกน้องออกไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย กลัวว่าพวกเขาจะได้รับอันตรายด้วยเช่นกัน จึงไปแจ้งความข้อหาข่มขู่เป็นข้อหาหลัก ๆ ส่วนจะดำเนินการสิ่งใดเพิ่มเติมนั้นยังเป็นเรื่องของอนาคต
ในส่วนประเด็นเรื่องโพสต์ภาพถ่ายคู่กับสุนัขในอิริยาบถแบบสบาย ๆ นั้น ทนายรณณรงค์เผยว่า ตนทำงานมานับสิบปี โดนข่มขู่มาโดยตลอด การโดนข่มขู่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นจุดที่ทำให้กลัวสุดขีด เคยมีที่ทำให้กลัวมากกว่านี้มาแล้ว แต่ก็ยังกลัวอยู่สุดหัวใจ จึงนำสุนัขไปที่โรงพักด้วย เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาจะได้มีองครักษ์ เพราะ “สุนัขของตนกัดเก่งกว่าเห่า”
ทนายรณณรงค์ ฝากคำถามถึง ทนายอู๋ ไว้กลางรายการว่า “ขนาดทนายเดชายังไม่ไหว แล้วทนายอู๋จะไหวหรือเปล่า?”
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com