จากกรณีที่ ทนายเดชา เผย แม่แตงโม ยอมรับส่งโทรศัพท์มือถือ ไปให้ บังแจ็ค อ้าง บังแจ็ค จะช่วยรื้อข้อมูลหาสาเหตุการเสียชีวิตของ แตงโม ได้
ล่าสุด วันที่ 25 พ.ค.65 หลังจากที่ทนายเดชา แถลง ข่าวให้ข้อมูลว่า โทรศัพท์มือถือของแตงโมที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าอยู่ที่ไหนนั้น กลับกลายเป็นว่า แม่ของแตงโม ยอมรับว่าเป็นคนส่งโทรศัพท์มือถือของลูกสาวไปให้บังแจ็คเอง โดยส่งไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางไปรษณีย์ ที่มีการดำเนินการด้วยตัวเอง เสียเงินไปประมาณ 2,500 บาท เพราะเชื่อว่าในโทรศัพท์มือถืออาจมีข้อมูลสำคัญว่าเป็นคดีฆาตกรรม ทั้งนี้ คุณแม่ ขอเวลา 2 วัน ก่อนจะออกมาแถลงเอง
ซึ่งเรื่องนี้ ฮิปโป เพื่อนสนิทและผู้จัดการแตงโม ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องที่ทนายเดชาออกมาแถลงในวันนี้ว่า เรื่องโทรศัพท์มือถือของแตงโมนั้น เท่าที่ทราบ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. วันที่เกิดเหตุแตงโมตกเรือ กระติก นำโทรศัพท์มือถือกลับไปที่บ้าน ของแตงโม อีก 2 วันต่อมา คุณแม่ก็มาเอาโทรศัพท์ไป หลังจากนั้นอีก 1-2 วัน ไอจีของแตงโมมีความเคลื่อนไหว โดยมีการลบภาพบางส่วนออกไป ตนเองได้มีโอกาสคุยกับทางตำรวจ และมีการแจ้งเรื่องนี้ ทางตำรวจจึงโชว์ให้ดูว่า โทรศัพท์มือถือของแตงโม ตอนนี้อยู่กับทางตำรวจแล้ว
ต่อจากนั้นเกือบ 3 เดือน โซเชียลของแตงโมก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร จนกระทั่งวันที่ 21 พ.ค. มีความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของแตงโม ซึ่งปกติแล้ว แตงโม ไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊ก เพราะยอดคนติดตามไม่ค่อยเยอะ ถ้าจะขายของ โมก็จะขอไปขายที่เพจแอนนา ดังนั้นเวลาเขาจะเล่น เขาจะเล่นไอจีเป็นหลัก แล้วตั้งโพสต์ไปที่เฟซบุ๊กมากกว่า ซึ่งพอมีคนโพสต์บัญชีของแตงโม เพื่อนๆ ก็เริ่มสงสัยว่าใครถือมือถือแตงโม เราก็เริ่มสืบกันในกลุ่มเพื่อน พอสืบไปสืบมา ตำรวจก็บอกว่าส่งคืนคุณแม่ไปแล้ว คุณแม่เองก็บอกว่าไม่ได้เล่น บอกว่าอยู่กับทางทนาย ทางทนายก็บอกไม่ได้อยู่ที่เขา จนมาเจอว่าการเข้าระบบเฟซบุ๊กพิกัดอยู่ที่อเมริกา
ส่วนเรื่องรหัสต่างๆ ของแตงโม คนสนิทจะมีรหัสเข้าบ้าน เข้ามือถือ ซึ่งเวลาแตงโมแต่งหน้า จะไม่สะดวกรับสาย ก็จะให้เพื่อนรับแทน แต่จะไม่มีรหัสเข้าโซเชียลมีเดีย เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา แต่ถ้าเป็นคนสนิทก็เดาได้ไม่ยากว่ารหัสเป็นอะไร เพราะเขาจะใช้เลขไม่กี่ตัว มาตอนหลังที่ทราบว่ามีการล็อกอินจากอเมริกา เราก็เอะใจว่าทำไมไปอยู่ที่นั่น ตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้ เราเองก็พยายามเช็คว่าโดนแฮกรึเปล่า เพราะบางรูปเรารู้ว่ามาจากเครื่องแตงโมเท่านั้น เรื่องที่แตงโมมีโทรศัพท์หลายเครื่องเป็นเรื่องจริง แต่เขาจะใช้แค่เครื่องเดียว แล้วยกเครื่องเก่าให้คนอื่น เพราะเห็นว่ายังใช้ประโยชน์ได้
ขณะที่ รูปภาพที่เขาลง ไม่ใช่รูปที่ถูกทำร้าย แต่เป็นรูปรอยแผลแตงโมถูกอูฐกัด กับอีกภาพที่เหมือนรอยแผลถูกชก อันนั้นก็เป็นรูปที่แตงโมแต่งหน้าตอนถ่ายละคร พอห็นสองภาพนี้จึงคิดได้ว่าเป็นภาพจากโทรศัพท์แตงโม ไม่ได้ดึงข้อมูลจากไอคลาวด์
ฮิปโป เล่าต่อว่า บังแจ็ค เคยแอดไลน์มาคุย เรื่องผ้าคลุมสีขาวของแตงโม เขาบอกจะส่งมาให้เรา เราบอกเราไม่รับ เราไม่ได้มีอำนาจตัดสิน เพราะเจ้าของคดีคือคุณแม่ จึงให้เขาส่งไปที่ตำรวจ หรือดีเอสไอเลย เรามองแบบโลกสวยเลยว่าที่เขาติดต่อมาทางเราคงคิดว่าเก็บไว้ที่เราจะปลอดภัย แต่เราก็บอกปัดให้เขาส่งไปให้คนที่มีหน้าที่จะดีกว่า ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นสัพเพเหระไป หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ แต่ด้วยเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกัน เขามักจะโทรมาในช่วงเวลาที่เราทำงาน ไม่สะดวกรับสาย ทำให้เขาบอกว่าถ้าเราไม่สะดวกคุย ไม่อยากช่วยเพื่อนก็ไม่เป็นไร เขาจะช่วยเอง ซึ่งเขาก็ทักไปหาหลายคนเลย ล่าสุด ก็มีการทักไปที่ โม อมีนา ทำให้ โม รู้ว่าโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ใคร เพราะเขาบอกเองว่าเขามีมือถือของแตงโมนะ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาบอกเพราะต้องการอะไร
ด้าน ผู้การแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า ภาพที่โพสต์ ตนมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี เพราะแตงโมถูกก่อเหตุจะมีภาพตัวเองได้ยังไง ส่วนคนที่โพสต์ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยอะไร ขณะที่ทนายเดชาบอกว่าแม่เป็นคนให้มือถือบังแจ็คไปด้วยความปรารถนาดี เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การที่แม่ให้ไป เป็นความหวังดี หรือมีเจตนาอื่น ส่วนคนที่ขอมือถือของแตงโมไป คงอยากจะได้ภาพลับของแตงโมมากกว่า พอได้ภาพลับไปก็เอากลับมาแบล็คเมล์ เพราะเริ่มมีการนำภาพบางส่วนมาข่มขู่ แต่แค่ยังไม่ถึงขั้นเรียกเงิน และคนทำอาจเชื่อมโยงกับยูทูบเบอร์ ที่ออกมาพูดเรื่องคดี เพื่อให้มีเรื่องพูดต่อ ปั่นกระแส ทำให้คดีบิดเบี้ยว เพราะฉะนั้นต้องมีการดีลกันมาก่อนเพื่อจะหาแสง หาผลประโยชน์ ทั้งๆที่คดีไม่มีอะไร ทำให้สังคมวิจารณ์การทำงานของตำรวจ แล้วสังคมก็ไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม ทำให้เสียหายไปหมด
"สิ่งที่ผมเห็นมา ยูทูบเบอร์บางคนออกมาบอกว่ามีหลักฐานเด็ด ตั้งแต่แตงโมเสียชีวิตก็ยังไม่มีเด็ดสักที" ผู้การแต้ม กล่าว
เรื่องความผิดการนำภาพแตงโมออกมา ถ้าทำให้เสียหาย ในกรณีของแตงโม ถ้าแม่เขาไม่แจ้งความ เราก็ไปดำเนินคดีไม่ได้มันก็จะจบตรงนี้ แต่คดีนี้น้องกระติกแจ้งความอยู่ ตำรวจก็จะมีต้นเรื่องในการสืบสวน ถ้าเป็นคดีที่คนทำผิดอยู่ต่างประเทศ แต่ทำผิดกฎหมายไทย ก็สามารถทำการสอบสวน มอบให้อัยการ หรือตำรวจ สามารถตามตัวได้ หากตัวผู้กระทำ ปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นคนโพสต์ แต่ข้อมูลนั้นออกมาจากโทรศัพท์ที่อยู่กับเขา ยังไงก็ต้องโดนร่วมด้วย ตนเชื่อว่า ตำรวจมีหลักฐานมากกว่าที่เราคิด แต่ท่านไม่สามารถเอาออกมาพูดได้ เพราะมันอยู่ในสำนวนสืบสวน มีกฎหมายค้ำคออยู่ ไม่สามารถพูดได้
จากที่มีข่าวออกมาว่า มือถือ แตงโม มีภาพมากถึง 1.2 ล้านภาพ และมีภาพวันเกิดเหตุถึง 500 ภาพ นั้น
ฮิปโป เผยว่า แตงโมมีรูปประมาณ 3 หมื่นรูป ไม่เกิน 4 หมื่น ที่รู้เพราะแตงโมเปลี่ยนโทรศัพท์ เพราะโดนบ่นว่าขายของออนไลน์แล้วถ่ายภาพไม่สวย แล้วโมก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ให้ช่วยโอนข้อมูล ร้านบอกถ้ารูปน้อยไม่เกิน 2 ชม. แต่แตงโม บอกมีประมาณ 3 หมื่นกว่ารูป ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งวันเลย ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่เห็นกับตาว่ามีรูปอะไรบ้าง ไม่สามารถยืนยันได้ แล้วเวลาว่างของแตงโม เขาชอบจัดรูปภาพของเขาทุกวัน ส่วนเรื่องที่ถ่ายรูปในวันที่เกิดเหตุถึง 500 ภาพ สำหรับตนคิดว่ามันผิดวิสัยมากเลย เอะอะอะไรก็ถ่ายหมดเลยเหรอ ตอนนี้ก็รู้สึกกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่รู้ว่ารูปส่วนตัวมีอะไรบ้าง และการกู้รูปส่วนตัวจะได้มากแค่ไหน แล้วรูปที่เขาไม่ประสงค์จะเผยแพร่ จะเยอะแค่ไหน
ฮิปโป ยอมรับว่า รู้สึกช็อก และร้องกรี๊ดในเวลาเดียวกัน ที่รู้ว่าคุณแม่เป็นคนส่งมือถือแตงโมไปให้บังแจ็ค เรารู้พร้อมสื่อทั่วไป นี่คือความเจ็บปวด ตนทำงานในวงการสื่อ แล้วต้องมาพิมพ์ข่าวนี้
ฟาก ผู้การแต้ม เชื่อว่าการส่งโทรศัพท์มือถือไปให้เขา มันจะมีผลลบกับน้องแตงโมพอสมควร ทีนี้ถ้าได้โทรศัพท์กลับคืนมา เราก็ไม่รู้ว่าเขาเอาข้อมูลไปมากเท่าไหร่
ส่วนประเด็นที่ทนายเดชามีการพาดพิงถึงยูทูบเบอร์รายหนึ่ง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มีการติดต่อกับบังแจ็คนั้น ทางรายการ ถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยัง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่ง นายอัจฉริยะ เชื่อว่าคนที่ทนายเดชาพาดพิงถึง หมายถึงตนเอง พร้อมเผยว่า ในความรู้สึกตน ในเมื่อบังแจ็คให้คำปรึกษาคุณแม่ได้ดีกว่าทนายคุณแม่ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง
ซึ่งตอนแรกคุณแม่เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงรอรับการเยียวยา ต่อมาคุณแม่มีสิทธิ์สงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง แต่ทนายของคุณแม่บอกให้เชื่อตำรวจ ขณะที่คนที่คอยทวงความยุติธรรมให้แตงโมไม่มีใครได้ผลประโยชน์ มีแต่ทนายคุณแม่เท่านั้นที่ได้ผลประโยชน์ และอยากให้ทนายคุณแม่ถามตัวเองว่าทำด้วยเจตนาดีหรือเปล่า
"จริงๆแล้วสังคมไม่ควรด่าคุณแม่ ควรด่าทนายของคุณแม่มากกว่า" นายอัจฉริยะ กล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตัวเองไม่เคยติดต่อกับบังแจ็ค ไปเช็คกับทางตำรวจไซเบอร์ได้เลยว่ามีหลักฐานที่ตนติดต่อกับบังแจ็คไหม ยอมรับว่าบังแจ็คเคยติดต่อมาเมื่อ 3 เดือนก่อน ตนเคยโชว์หลักฐานให้นักข่าวดูแล้ว แต่ตนไม่ได้ให้ราคาเพราะเขาเป็น 18 มงกุฏ เรื่องหลักฐานในคดีแตงโม ตนมีมากกว่าที่บังแจ็คพูดมาอีก และไม่เกี่ยวกับเขาเลยด้้วย ที่ตอนนี้ตนสงสัยคือทำไมตำรวจต้องบล็อกเบอร์ของผู้ต้องสงสัยด้วย
ในระหว่างรายการ ทีมงานสามารถติดต่อไปยังบังแจ็คสอบถามประเด็นที่ทางทนายเดชาออกมาแถลงในวันนี้ โดย
บังแจ็ค ยอมรับว่า โทรศัพท์มือถือแตงโมอยู่ที่ตนเอง โดยคุณแม่แตงโมเป็นคนส่งมาให้เอง ยืนยันว่าไม่มีการโอนเงินไปให้คุณแม่ ที่คุณแม่ส่งมาเพราะต้องการให้ช่วยกู้ข้อมูลคืนมาจากมือถือ ซึ่งตนก็พยายามกู้อยู่ เพราะข้อมูลมันเยอะพอสมควร ตอนนี้สามารถกู้ข้อมูลสำคัญๆมาได้บางส่วน มีคลิป ข้อความ รูปภาพ ข้อมูลการรับงาน โอนเงินบางส่วนที่ถูกลบไป โดยรวมแล้วน่าจะมีรูปประมาณ 5 หมื่นภาพ คลิปที่กู้มาได้ เป็นคลิปที่ไม่สุภาพของน้องโม เพจHappy Melon official ที่มีผู้ติดตาม 1.5 ล้านคน เป็นเพจของตน ที่ได้รับอนุญาตจากคุณแม่แล้วในการโพสต์สิ่งเหล่านี้ ส่วนที่เพจอื่นๆนำไปโพสต์ ไม่ใช่ฝีมือของตน เรื่องที่โทรหาคุณกระติก แล้วมีการส่งภาพไม่เหมาะสมของแตงโมไป เรื่องนี้ตนไม่รู้ เป็นความผิดของคุณกระติกที่ให้สื่อถ่าย ปกติการคุยโทรศัพท์ต้องคุยเป็นการส่วนตัว วันที่เราโทรไป คุณกระติกวางสายทันที สื่ออย่าไปเข้าข้างพวกนี้ ทำไมไม่ไปถามเขาว่ากระติกลบข้อมูลทำไม
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com