ยังคงไม่จบกับคดีดาราสาว "แตงโมนิดา" ตกเรือ ล่าสุด "ตำรวจ" ชี้แจงประเด็นที่ยังคาใจของสังคม พร้อม "อู๊ด" ตอบชัด ไม่ได้แก้ไข GPS ลั่น ตนมีความสามารถมากพอ
วันที่ 12 พ.ค. 65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาตอบคำถามที่คาใจของสังคมว่า ในกรณีที่ผู้ต้องหาบนเรือปฏิเสธการตรวจสารเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจผู้ต้องหาได้หากเป็นประโยชน์กับคดี แต่ผู้ต้องหาคนนั้นต้องให้ความยินยอม ดังนั้น ผู้ต้องหาก็มีสิทธิ์ปฏิเสธได้ แต่จะกลายหลักฐานในสำนวนว่าตนไม่ยืนยอมให้ตรวจ ถ้าหากกรณีที่ขับรถมาแล้วตำรวจเห็นว่ามีอาการมึนเมา หรือได้กลิ่นสุรา ทางตำรวจก็จะขอตรวจ เพราะเขาสันนิษฐานว่าน่าจะเมา เป็นอำนาจของตำรวจที่จะขอตรวจ ตามพ.ร.บ.ขนส่งทาบก โดยในเหตุการณ์นี้ ผู้ต้องหายินยอมให้ตรวจสารเสพติด 4 คน จากทั้งหมด 5 คน ไม่ใช่ 3 คนอย่างที่เป็นข่าว มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ตรวจคือ แซน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากหลักฐานที่เห็นเพียงเงา ถ้าดูเพียงเงาก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ แต่ได้อาศัยพยานแวดล้อมอื่น ๆ มาประกอบด้วย ทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานทางเทคโนโลยี ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ ตลอดจนการชันสูตร แล้วพนักงานสอบสวนกับฝ่ายสืบสวน ก็จะมาวิเคราะห์จากความน่าจะเป็น จากนั้น อัยการก็จะมาตรวจสอบอีกครั้งว่าที่วิเคราะห์มา อะไรที่เป็นไปได้ อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบสวนเพิ่ม ไม่ได้หมายความว่าตำรวจทำงานไม่ดี แต่ทางอัยการเหมือนเป็นโค้ชคอยชี้แนะแนวทาง
สำหรับประเด็น อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวเพิ่มว่า เป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดี และทุกคนก็มีสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ถ้าเอาข้อมูลที่บิดเบือน หรือทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย ก็ต้องตั้งคำถามว่าเราจะปล่อยไปได้หรือ หากมีการแชร์ข้อมูลที่บิดเบือนอีก 20 คน กระบวนการยุติธรรมจะสามารถจบคดีได้ยังไง
ด้าน กิตติภัฎ ธนาสนธิราช ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ เล่าว่า ประเด็นของข้อมูลสัญญาน GPS ที่หายไปนั้น หากเรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางหรือความเร็ว เป็นการเคลื่อนไหวแบบซ้ำ ๆ ระบบจะไม่บันทึกข้อมูล ดังนั้นการแก้ไข GPS ตนตอบเลยว่าแก้ไม่ได้ ตนเป็นเพียงคนกลางผู้ทำหลักฐานมาส่งให้ ไม่ได้แก้ไขแน่นอน ขอท้าให้ไปเปิดเทียบกันที่เรือต่อหน้าสื่อได้ ส่วนเรื่องที่ใบพัดเรือร่วง ยืนยันว่าตนไม่ใช่คนทำใบพัดเรือตก คนประกอบเรือคือเด็กในอู่ ถ้าสังเกตุในข่าว บูสกับน็อตก็ยัอยู่ แต่เด็กมันใส่กลับด้านใบพัดมันเลยร่วง
ทั้งนี้ยืนยันว่า ตนมีความสามารถมากพอ ไม่ได้เข้าข้างตำรวจ ตนมีใบเซอร์ และเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องเรือมามาก เพราะอยู่ในวงการเรือมานาน ถามใครในแม่น้ำเจ้าพระยาก็รู้จัก เพียงแต่ทางตำรวจขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือ สุดท้าย กิตติภัฎ ยังฝากเพิ่มเติมถึงอัจฉริยะว่า ตนไม่ได้มีอะไรกับ อัจฉริยะ หรือทีมงาน ต่างคนต่างก็หาข้อมูลกันไป แต่การที่อัจฉริยะออกมาพูดนั้น ทำให้เกิดความเสียหายต่อหลายฝ่าย จึงอยากให้อัจฉริยะโทรมาถามก็ได้ ซึ่งก็พร้อมให้ข้อมูลช่วยเหลือ
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ตอบคำถามเกี่ยวกับบาดแผลที่มีลักษณะเป็นก้างปลาด้านหลังของแตงโม ที่ แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ได้ตั้งข้อสงสัยว่าแตงโมน่าจะไม่ได้ตกจากท้ายเรือ พล.ต.ต.สุพิไชย ได้ชี้แจงว่า ชุดข้อมูลของแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ เป็นคนละชุดกัน ดังนั้นการให้ความเห็นของแพทย์ จึงเป็นคนละมุมกันได้ โดยตนเชื่อว่าทางตำรวจมีชุดข้อมูลหลากหลายที่น่าจะใช้พิจารณาคดีนี้ได้
สำหรับคำถามเกี่ยวกับใบพัดที่นำมาใช้จำลองเหตุการณ์นั้น พล.ต.ต.สุพิไชย ยืนยันว่าคือใบพัดที่มาจากเรือจริง มีการส่งมาถูกต้องตามกระบวนการ และได้มีการตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยการนำมาเทียบเคียงครั้งนี้ พบว่าใบพัดไม่มีความคม อีกทั้งร่างได้มีการฉีดฟอร์มาลีนจึงทำให้มีความแข็งกว่าปกติ ดังนั้นการหมุนจำลองจึงไม่เป็นการสร้างบาดแผลเพิ่ม และที่ต้องใข้วัตถุพยานของจริงมาจำลอง เพราะจะทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงมากที่สุด
สำหรับประเด็นจำนวนแผลนั้น ยืนยันว่าทางนิติเวช ตรวจพบทั้งหมด 26 บาดแผล และไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลข แต่เรื่อง 11 บาดแผลนั้น ตนไม่ทราบจริง ๆ คุณอัจฉริยะเอาข้อมูลมาจากแหล่งใด ในส่วนของประเด็นแชตหลุดนั้น พล.ต.ต.สุพิไชย รับว่าตนคือผู้ที่คุยกับ คุณหมอธวัชชัย เพราะเห็นว่าเป็นผู้เคยให้ความรู้เกี่ยวกับใบพัดเรือมาก่อนหน้านี้ จึงคิดว่าเป็นประโยชน์ แต่ตนไม่แน่ใจว่าท่านได้รับข้อมูลที่ผิดเพี้ยนมาหรือเปล่า กลัวจะส่งผลกระทบต่อคดี จึงแชตไปให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ท่าน
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม