นุ่มฟูหัวใจไปกับ “Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น” ซีรีส์วาย Coming of age กับการทำความเข้าใจในความแตกต่างของ LGBTQIA+

(บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น)

กลายเป็นซีรีส์ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดใน Twitter ไปแล้วสำหรับ “Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น” ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากเปิดตัว โดยผู้สร้างอย่าง Netflix ได้ดัดแปลงเนื้อหามาจาก นวนิยายภาพ (Graphic Novel) เรื่อง “Heartstopper หยุดหัวใจไว้ที่นาย” จากปลายปากกาของนักเขียนชาวอังกฤษ อลิส โอสแมน (Alice Oseman) ซึ่งได้รับหน้าที่ในการเขียนบทให้กับซีรีส์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

โดย Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น เป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ LGBTQIA+ เรื่องล่าสุดของ Netflix ซึ่งสตรีมให้กับผู้ชมทั่วโลกเป็นครั้งแรกในวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา โดยเป็นซีรีส์โรแมนติก Coming of age ระหว่างเด็กเนิร์ดประจำโรงเรียนซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เปิดตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นเกย์ นำแสดงโดย โจ ล็อกค์ (Joe Locke) กับรุ่นพี่นักกีฬารักบี้สุดป๊อบของโรงเรียน

จากการจัดอันดับของ Trending TV โดย Variety (18-24 เมษายน) พบว่า Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น มีกระแสตอบรับอย่างล้นหลามในโลกออนไลน์ กลายเป็นซีรีส์ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดบน Twitter โดยมียอดเอ็นเกจเมนต์รวมทั้งสิ้น 9.2 แสน ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดตัว

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบัน “ซีรีส์วาย” กลายเป็นหนึ่งในหมวดหมู่ของซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย นิยายวายชื่อดังหลายต่อหลายเล่มได้ถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า ถึงแม้ซีรีส์วายจะถูกฉายอย่างแพร่หลายในหลายแพลตฟอร์ม แต่ก็มีเพียงไม่กี่เรื่องที่จะสามารถครองใจบรรดาผู้ชมได้

ในทางกลับกัน Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น กลับได้ถูกเลือกให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้ชมเป็นจำนวนมาก นั่นเพราะ Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์วายที่ขายความฟิน ความจิ้น หรือหน้าตาของนักแสดงเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยิบยกเรื่องราวและปัญหาชีวิตวัยรุ่นของ LGBTQIA+ ในช่วงเวลาอันน่าสับสนใน เพศวิถี (Sexual Orientation) ของตัวเอง รวมไปถึงการเติบโตและก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาดังกล่าว (Coming of age)

ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวผ่านตัวละครหลัก ชาร์ลี สปริง (Charlie Spring) นำแสดงโดย โจ ล็อคค์ (Joe Locke) เด็กเนิร์ดประจำโรงเรียนที่เปิดตัวอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นเกย์ (Gay) แต่การที่เขากล้าที่จะยอมรับและเปิดเผยตัวตนอย่างชัดเจนของเขากลับทำให้เขาต้องถูกกลุ่มคนบางกลุ่มภายในโรงเรียนที่ไม่ยอมรับในความหลากหลายทางเพศต่อต้าน รวมไปถึงทำร้ายเขาไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ

ประเด็นเรื่องการบูลลี่กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศในรั้วของสถานศึกษาอาจจะเป็นประเด็นปกติที่สามารถเห็นได้ในซีรีส์วายทั่วไป แต่ Heartstopper ได้ทำให้เห็นว่าชาร์ลีไม่ได้อยู่ในโลกนี้อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง นอกจากชาร์ลีที่เปิดเผยตัวตนอย่างชัดเจนว่าเป็นเกย์เพียงหนึ่งเดียวในโรงเรียนชายล้วนแล้ว ยังมีตัวละครในซีรีส์ที่เปิดเผยตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นเลสเบี้ยน (Lesbian) ในโรงเรียนหญิงล้วนซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกันอีกด้วย รวมไปถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่งของชาร์ลีก็ได้เปิดตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นทรานส์ (Transgender) ในประเด็นนี้ซีรีส์ได้ทำให้เห็นว่า ตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศในเรื่องนี้มีความเติบโตทางด้านความคิดและความกล้าที่ยอมรับในตัวตนของตัวเอง และกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังบนโลกใบนี้ แต่ยังมีคนที่มีความหลากหลายทางเพศคนอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้าใจ สนับสนุนและก้าวข้ามกรอบข้อจำกัดทางเพศไปด้วยกัน

อีกฝั่งหนึ่ง นิก เนลสัน (Nick Nelson) นำแสดงโดย คิท คอนเนอร์ (Kit Connor) หนุ่มนักกีฬารักบี้สุดฮอตประจำโรงเรียน ซึ่งบังเอิญได้มารู้จักกับชาร์ลี เมื่อเจอกันทุกวันความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เริ่มเปลี่ยนไป นิกรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่บรรดาเพื่อนของเขาบูลลี่ชาร์ลีเพราะชาร์ลีเป็นเกย์ เขาอยากปกป้องชาร์ลี อยากใกล้ชิดกับชาร์ลีตลอดเวลาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้คืออะไร เพราะเขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับผู้ชายมาก่อน

ภาวะสับสนในรสนิยมทางเพศของตัวเองเป็นภาวะปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศทุกคน ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวายที่สุดและไม่สามารถหาคำตอบได้ในทันทีทันใด หากแต่จะต้องใช้เวลาและทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง จนในที่สุดนิกก็สามารถสรุปได้ว่าตัวเขาเป็นไบเซ็กชวล (Bisexual) และก็สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความสับสนนี้ได้ โดยเขาได้เปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนเอง (Coming out) กับแม่ของเขาและเขาก็ได้รับการยอมรับอย่างไม่มีข้อสงสัย

สิ่งที่ทำให้ Heartstopper แตกต่างไปจากซีรีส์วายหลายๆ เรื่องคือการที่ซีรีส์ไม่ผลักไสให้ตัวละครหญิงภายในเรื่องกลายเป็นตัวร้ายในความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างในเรื่องอื่นๆ ในซีรีส์บางเรื่องอาจใช้ตัวละครหญิงในการลองใจหรือพิสูจน์รสนิยมทางเพศของตัวละครหลักที่มีความหลากหลายทางเพศ ทำให้เป็นการด้อยค่าเพศหญิงและทำให้เพศหญิงกลายเป็นเพศที่อยู่ชายขอบในโลกของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่ในทางกลับกัน Heartstopper ได้ลบความนิยมด้านลบที่เคยปรากฎในซีรีส์เรื่องอื่นๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นได้เป้นอย่างดี

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการยอมรับในตัวนิกโดยแม่ของเขาก็เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ซีรีส์เรื่องนี้พยายามสอดแทรกอย่างมีนัยยะให้กับผู้ชม แม่ของนิกเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและค่อนข้างมีอายุ เรามักจะติดภาพพ่อ-แม่ในซีรีส์วายที่ไม่ยอมรับในรสนิยมทางเพศของลูกตัวเอง การที่ลูกจะได้รับการยอมรับจากพ่อ-แม่ในรสนิยมทางเพศของตนเองมักจะต้องผ่านฉาก Coming out ที่แสนจะดรามาและยากลำบาก แต่ในทางกลับกันแม่ของนิกเป็นแม่ที่เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่ลูกของเธอเป็นอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ รวมถึงสนับสนุนให้ลูกของเธอเชื่อและทำในสิ่งที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับตัวเขามากที่สุดอีกด้วย

ถึงแม้ว่า Heartstopper จะดูเป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างมีสูตรสำเร็จตายตัวไม่ต่างจากซีรีส์รักโรแมนติกทั่วไป แต่ประเด็นต่างๆ ที่ถูกสอดแทรกเข้ามาในซีรีส์นี้ก็สามารถเข้าไปทำงานกับหัวใจของผู้ชมได้อย่างดี ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราเข้าไปสัมผัสถึงจิตใจและความรู้สึกที่แท้จริงของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งการยอมรับในตนเอง การโดนต่อต้านจากสังคมและถูกบูลลี่เนื่องจากความกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น รวมไปถึงการแอบรัก ความผิดหวัง ความสมหวัง มิตรภาพระหว่างเพื่อนและกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ทำให้ Heartstopper กลายเป็นซีรีส์ LGBTQIA+ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและสามารถเข้าไปครองใจของบรรดาผู้ชมทั่วโลกได้อย่างไม่ยากเย็นเลยนั่นเอง

ที่มา : https://variety.com/2022/tv/news/heartstopper-netflix-twitter-1235240080/