กาโตะ รับ เบิกเงินวัด 6 แสน ไปให้คนกลางปิดข่าวฉาว ยันไม่มีเจตนายักยอกเงินวัด แต่เพราะถูกเร่งรัดจะเอาเงิน เผยพร้อมนำเงินจากญาติไปคืนวัด
วันที่ 4 พ.ค.65 ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้เปิดเผยผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงมุมมองเรื่องของกาโตะว่า การสึกแล้วจบมันง่ายเกินไป มันควรจะต้องมีการเคลียร์ให้ชัดเจน อย่างเรื่องของเงินที่เอาไปให้สีกา หรือ คนกลางมาจากไหน แต่ภายหลังมาโป๊ะแตกว่าเป็นเงินของวัด
ส่วนประเด็นที่สองคือเรื่องของพระผู้ใหญ่ที่บอกว่าเป็นพระคนกลางที่เสนอตัวมาช่วยเดินเรื่องปิดข่าว เป็นใคร เรื่องนี้มีมูลเท็จจริงอย่างไร ส่วนเรื่องทางกฎหมาย มันชัดเจนอยู่แล้วว่ามีการเอาเงินวัดไป มันก็มีโทษแล้ว ไม่ใช่แค่เอาไปแล้วเอามาคืนมันง่ายไป ยิ่งเงินวัด มันไม่สามารถยืมเอาไปใช้จ่ายส่วนตัวได้ แล้วกรรมการวัดรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ถ้าสื่อไม่ตามเรื่องมันก็จะเงียบไป ส่วนเรื่องทางด้านคดีก็ต้องถามทนายความว่าถ้าเขาไกล่เกลี่ยกันแบบนี้มันจบได้ไหม
ตนมองว่าชาวพุทธต้องตระหนักในบทเรียนสักที ชาวบ้านเองเวลาศรัทธาพระรูปไหนก็จะถวายปัจจัย อย่างเรื่องเณรคำก็เหมือนกัน หรืออย่างกาโตะเนี่ย บวชเพียงสองสามพรรษาจะมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสไม่ได้ มันผิดระเบียบ แต่นี่สามารถขึ้นรักษาการได้เพราะอะไร เพราะมีชื่อเสียงโด่งดัง
ไพรวัลย์ เผยว่า ที่บอกว่าน่าให้หมอปลาขึ้นเป็น ผอ.สำนักพุทธ นั้น เป็นการพูดประชด เพราะเห็นว่าหมอปลาทำงานเพื่อศาสนาเยอะ ซึ่งสำนักพุทธควรจะทำ แต่พอเราเห็นข่าวพวกนี้ มักจะเป็นหมอปลา ตนก็ตั้งคำถามประชดไป เพราะต้องการสะท้อนให้เห็นการทำงานของสำนักพุทธว่าทำไมมันล่าช้า แล้วเรื่องนี้พระผู้ใหญ่ก็ต้องตรวจสอบรึเปล่า ตนมองว่าเรื่องแบบนี้ เรายังสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ยุคนี้สื่อไว ชาวบ้านก็หันมาสนใจพระมากขึ้น ถ้าเราหวังพึ่งองค์กรศาสนามันจะเละ หลายเคสสื่อไม่ลงก็ไม่ได้เรื่อง เราต้องเก็บของดีกำจัดของเสีย
ส่วนที่ตนใช้คำว่า สมี เรียก กาโตะ นั้น เป็นคำเรียกภาษาโบราณ ใช้เรียกพระที่อาบัติปาราชิกในขณะที่ยังใส่ผ้าเหลืองอยู่ ถ้าเราเป็นคนพุทธจะต้องรู้ว่าควรใช้คำไหนให้เหมาะสมกับพระ อย่างเช่น ทิด ใช้เรียกพระสึกใหม่ แต่ถ้าพระที่ปาราชิกเราจะเรียกสมี ตัวกาโตะ เขาไม่ได้สึกเองโดยความสมัครใจ เขาสึกโดยจำนนต่อหลักฐาน ทำให้เขาต้องสึกออกมา อีกเรื่องนึงที่ควรทำเลยคือการฟ้องสีกาตอง เรื่องเงินที่กาโตะเอาไปให้ ต้องเอาคืนมา ไม่ใช่แค่ให้แล้วจบไป ส่วนกาโตะจะไปเอาเงินใครมาคืนวัดนั้น ตนไม่รู้
"สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝากเตือนชาวพุทธว่า จะศรัทธาใคร ให้ใช้วิจารณญาณกันมากๆ ถ้าคุณไม่อยากช้ำใจ อย่าไปศรัทธาแบบทุ่มหมดตัว พอมีเงินมีทองกันมากมาย สุดท้ายก็เอาไปเปย์สีกา"
ขณะที่ นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา เผยว่ากรณีที่ กาโตะเบิกเงินวัดไปใช้นั้น มันเป็นเรื่องของกฎหมายแล้ว ไม่ใช่เรื่องของพระธรรมวินัย ทางด้านศาสนามันจบแล้ว ส่วนทางด้านกฎหมายก็ต้องไปถามทนายว่าจะแจ้งความได้ไหม ดำเนินคดีได้รึเปล่า สำหรับกรรมการวัด ตนไม่อยากไปก้าวล่วง เขาพูดแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ เรื่องแบบนี้ เราคงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันเกินเยียวยา
สำหรับเรื่องของคดีความนั้น ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เผยว่า กรณีของกาโตะ ที่มีการเบิกเงินวัดไปใช้ 6 แสนบาทนั้น ถือว่ามีความผิด ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัด ถือเป็นเจ้าพนักงาน ตามกฎหมายใครก็สามารถแจ้งความได้ ในมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งคดีนี้ความผิดสำเร็จไปแล้ว ควรดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่างของสังคม และในตัวของสีกาเอง ก็มีความผิดฐานรีดทรัพย์
สำหรับเรื่องเงิน 6 แสนบาท ที่กาโตะนำมาคืนวัด นั้น นายบำรุง ยอดมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกะเปียด เผยว่าตนได้รับการติดต่อจากกาโตะ ว่าจะมีการคืนเงินให้วัด โดยกาโตะ มาพร้อมทีมงานประมาณ 4-5 คน นำเงินสดจำนวน 6 แสนบาท มาไว้ที่ตน และในวันพรุ่งนี้ ตนจะนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคารของวัดต่อไป เพราะวันนี้เป็นวันหยุดราชการ ตนไม่สามารถนำเงินไปเข้าได้ ทั้งนี้ กาโตะ ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงว่า ได้มีการนำเงินที่ยืมจากวัดมาคืน แต่เขาไม่ได้เขียนว่าเขายืมไปทำอะไร ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกสงสารพระอยู่ แต่เรื่องความผิดนั้นถือเป็นเรื่องส่วนตัว ชาวบ้านไม่คิดว่ากาโตะจะเป็นคนแบบนี้ มันก็ต้องว่าไปตามบุคคล
ทางด้าน นายกฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล ผู้สื่อข่าวช่อง 7HD ประจำนครศรีธรรมราช เผยถึงประเด็นที่กาโตะอ้างว่ามีการนำเงินไปให้คนกลาง เพื่อนำไปใช้ปิดข่าวว่า ตนติดตามเรื่องนี้มาตลอด พระคนกลางรูปนี้มีตัวตนจริง อยู่ในระดับอาวุโส ใน จ.นครศรีธรรมราช มีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่บอกจะนำเงินไปให้นักข่าวนั้น เท่าที่ทราบมีการพูดคุยเจรจาจริง แต่ไม่ได้มีการจ่ายเงิน เงินยังอยู่ที่คนเสนอ ซึ่งเงินตัวนี้เป็นเงินสด ขณะที่บรรยากาศภายในวัดนั้น ช่วงสายๆวันนี้ มีช่างไปรื้อถอนแอร์และตู้เย็น ที่ถูกระบุว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว เอากลับไปแล้ว และก็มีสัมภาระส่วนหนึ่งที่เอากลับไป ส่วนชาวบ้านเองก็ยังเห็นอกเห็นใจกาโตะ เพราะยังหนุ่มเลยตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้ไม่ดีพอ
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com