วันที่ 28 เม.ย.65 ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ร้องผ่านรายการถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ หลัง นายวิโรจน์ อยู่ทรัพย์ อายุ 42 ปี ขับขี่รถ จยย. ถูกตำรวจสายตรวจ สน.บางเสาธง ขี่รถ จยย.ปาดหน้า ทำให้รถเสียหลักล้ม ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผ่านไป 10 วัน คดีไม่คืบ กลัวเรื่องจะเงียบ จึงร้องผ่านสื่อ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในคืนวันที่ 17 เม.ย. เวลาประมาณ 04.50 น.ที่ผ่านมา จุดเกิดเหตุบริเวณถนนพรานนก-พุทธมณฑล แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่นายวิโรจน์ อยู่เลนขวาสุด จากนั้นมีรถ จยย. 3 คัน ขับมาคันละ 1 คน สวมเครื่องแบบตำรวจ 2 คน สวมเสื้อกั๊กสีดำ 1 คน ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ที่สวมเสื้อกั๊กขับแซงและปาดหน้าผู้บาดเจ็บทำให้รถล้มคว่ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับประกบด้านซ้ายและข้างหลัง จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวก็จอดรถลงมาช่วยพยุงนายวิโรจน์ลุกขึ้นและพาไปนั่งอยู่ข้างทาง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศิริราช
เอ (นามสมมติ) เพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าในวันเกิดเหตุ นายวิโรจน์ ชวนไปบ้านพี่สาวตอนตีห้า ขี่ จยย.ไปสักพัก อยู่ๆ ก็มีผู้ชายขี่ จยย. 3 คัน โผล่ออกมา ขับปาดเข้ามาทางซ้าย ขวา แล้วขึ้นไปหา นายวิโรจน์ แล้วก็มีการขี่ไล่กัน จนรถล้ม ตนรู้สึกตกใจจึงวิ่งมาบอกทางพี่สาวของนายวิโรจน์
นางณัฐนันท์ เจริญผล หรือ หน่อย พี่สาวของนายวิโรจน์ เล่าว่า วันเกิดเหตุ เอ (นามสมมติ) เพื่อนของน้องชาย มาบอกที่บ้านว่าน้องชายเกิดอุบัติเหตุ ถูกตำรวจสายตรวจขับรถ จยย.ปาดหน้าล้มคว่ำ จึงรีบเดินทางไปที่ สน.บางเสาธง พร้อม ณัฐนันท์ เจริญผล หรือ หน่อย น้องสาว และ นางศิริ นุตาคม หรือ เล็ก คุณแม่ เมื่อไปถึงตำรวจแจ้งให้ทราบว่าน้องชายขี่รถจักรยานยนต์ล้มเอง ไม่มีคู่กรณี แต่ตนติดใจว่าทำไมไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เพื่อนน้องชายเล่าให้ฟัง ตนจึงลงพื้นที่ไปดูที่เกิดเหตุ พบว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ 1 ตัว เมื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าน้องชายถูกตำรวจชุดดังกล่าวขับปาดหน้าทำให้รถล้ม ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองบวม ไหปลาร้าหัก ปอดฉีก และขณะที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวเข้าช่วยเหลือน้องชายตนเองก็ช่วยผิดวิธี เพราะน้องชายตนเองนอนเจ็บอยู่กับพื้นถนน ตำรวจกลุ่มดังกล่าวก็พยายามดึงน้องชายตนเองลุกขึ้น และประคองเข้าข้างทาง จากนั้นก็ยกรถจักรยานยนต์ที่ล้มอยู่เข้าข้างทาง ไม่มีการถ่ายรูปไว้แต่อย่างใด ซึ่งตนมองว่าจากการช่วยที่ผิดวิธี อาจทำให้น้องชายอาการหนักขึ้นกว่าเดิม และน้องชายไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ หลังจากที่มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด จึงแจ้งความอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่ทำให้น้องชายตนรถคว่ำ
นางณัฐนันท์ ยังเล่าอีกว่า หลังจากเกิดเรื่องก็มีตำรวจนายหนึ่งโทรศัพท์มาหา พร้อมเสนอเงินเยียวยาเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท แต่เรื่องคดีก็ยังดำเนินต่อไป แต่ตนไม่ขอรับเงินจำนวนดังกล่าว ตอนนี้ผ่านไป 10 วันแล้วน้องชายยังอยู่ในอาการโคม่า ซึ่งหมอแจ้งว่าให้ทำใจเพราะน้องอาการหนัก และอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ไม่มีโอกาสฟื้น ตนและครอบครัวเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงนำเรื่องทั้งหมดมาร้องสื่อให้ช่วยตรวจสอบและขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของตนด้วย
สำหรับเรื่องข้อกฎหมาย ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เผยว่า คดีนี้มีข้อติดใจตรงที่ว่าทำไมไม่มีการสืบหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ตำรวจต้องทำงาน มีหน้าที่ต้องหาความจริงพิสูจน์หลักฐาน ส่วนการช่วยเหลือคนประสบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องรู้เรื่องการปฐมพยาบาล จากที่เห็นในคลิป ขนาดกู้ภัยยังไม่กล้าเลย ต้องมีการเอาเตียงมายก เพราะหากเคลื่อนย้ายผิดวิธีอาจเกิดอันตรายได้ ในส่วนที่ทางตำรวจเสนอเงินเยียวยาช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดี ก็สามารถรับได้ สำหรับข้อกล่าวหา สามารถแจ้งข้อกล่าวหาคนที่ทำให้ผู้บาดเจ็บ เกิดอุบัติเหตุมีอาการสาหัส อย่างน้อยต้องแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการกระทำร่วมกันโดยประมาท อยู่ที่ตำรวจว่าจะสืบสวนว่าอย่างไร
ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี พ.ต.อ.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ ผกก.สน.บางเสาธง กล่าวว่า ตอนนี้มีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องฝ่ายทางญาติผู้บาดเจ็บ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย และ อาสาสมัคร 2 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่วันนั้น และนำวงจรปิดในวันเกิดเหตุส่งพิสูจน์ ดูความเร็วของรถ ส่วนรถ จยย. ที่เกิดเหตุตอนนี้อยู่ที่โรงพัก เพื่อเก็บไว้ตรวจสอบ
เบื้องต้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในวันนั้น เนื่องจากบริเวณนั้นได้รับรายงานว่ามีการแข่งรถอยู่บ่อยครั้ง และมีเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับอาชญากรรมเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งช่วงเวลานั้นหากมีรถต้องสงสัยมาจึงต้องตรวจค้น โดยจากสถิติในถนนแถวพุทธมณฑลจะมีอยู่เรื่อยๆ และในวันที่เกิดเหตุ เห็นรถคุณวิโรจน์ขับขี่มาด้วยความเร็ว ลักษณะของรถเป็นรถแต่ง เจ้าหน้าที่จึงขับรถตามไป ตำรวจมีไฟสัญญาณชัดเจน เมื่อเข้าใกล้เหมือนทางคุณวิโรจน์เร่งความเร็วหนี จากคำให้การมีการบอกว่าเป็นการเสียหลักล้มเอง ซึ่งตนก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยจึงไม่ทราบ แต่ ณ ตอนนี้ คุณเอ (นามสมมติ) เป็นบุคคลในเหตุการณ์ ปรากฏตัวละครเพิ่มอีก 1 จึงจะนำมาประกอบคำให้การณ์เพิ่มด้วย ส่วนเรื่องผลตรวจเลือดว่าทางตำรวจมีอาการเมาหรือไม่นั้น ได้มีการส่งตรวจแล้วแต่ขณะนี้ผลยังไม่ออกมา แต่เบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย
หลังจากทราบเหตุการณ์จึงเชิญญาติผู้บาดเจ็บมาคุย ว่าติดใจประเด็นไหนไหม และสอบถามเรื่องผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย ที่นัดมาคุยทีละฝั่งเพื่อไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะขัดใจกัน และได้ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บยังอยู่ในอาการโคม่า อยู่ไอซียู รพ.ศิริราช ค่าใช้จ่ายตอนนี้ประมาณ 3 แสนบาท แล้วอาจจะมีมากกว่านี้ ทางตำรวจจึงอยากจะช่วยเหลือ จึงหารือกับผู้ใหญ่ และเสนอให้เงินช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งยืนยันได้ว่าเงินก้อนนี้ไม่เกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด และที่แบ่งจ่ายเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเงินเป็นก้อนมากขนาดนั้น