จบที่ประมาท? เปิดปฏิกิริยา 'เต้ มงคลกิตติ์-อัจฉริยะ' หลังตำรวจแถลงสรุปคดี แตงโม ตกเรือ : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

     จากกรณีที่ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงสรุปสำนวนคดี แตงโม นิดา ชี้ชัดเป็นการถูกกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เล็งสั่งฟ้อง 5 คน บนเรือ และ กุนซือ รวมทั้งสิ้น 6 ราย

       นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เผยว่า ตนพอจะทราบเบื้องต้นอยู่แล้วว่าตำรวจจะแถลง แต่ในความเข้าใจของตนนั้นตำรวจทำงานตั้ง 60 วัน ตนคิดว่าน่าจะมีอะไรที่รัดกุมและชัดเจนมากกว่านี้ อย่างน้อยจะได้เรียกศรัทธาของประชาชน แต่สิ่งที่ตนมองในเรื่องที่ออกมาแถลงของวันนี้นั้นยังกำกวมในหลายเรื่อง เช่น เรื่องที่ตำรวจบอกว่าแตงโมตกท้ายเรือจับขาแซนตนก็เข้าใจว่าจะมีภาพที่แตงโมจับขาแซนและหงายหลังตกลงไปแต่ปรากฎว่าไม่มีมีเพียงแค่ภาพเหงาที่หายไปแล้วยืนขึ้นซึ่งก็ไม่ได้แจ้งว่าตกเรือหรือปัสสาวะ แล้วสรุปสุดท้ายก็มีเพียงแค่แซนเท่านั้นที่แจ้งว่าแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ อีกส่วนหนึ่งก็หมายความว่า เราหาจุดตกของแตงโมไม่เจอ และตนยังสงสัยในบาดแผลของแตงโม กล่าวคือมีบาดแผลบริเวณด้านหลังจำนวน 22 จุด  หน้าขาอีก 4 จุดแยกเป็น 3 แผลเล็ก 1 แผลใหญ่ ถ้าเรือดูดตัวของแตงโมเข้าไปแผลก็ต้องเกิดแค่บริเวรหลังขาแล้วหน้าขามาจากตรงไหนและลักษณะของใบพัดนั้นห่างกันพอเวลาใบพัดหมุนด้วยความเร็วสูงเวลาที่มันจะบาดขานั้นควรที่จะบาดแบบเท่ากัน อีกทั้งในงานวิจัยที่มีคนประสบอุบัติเหตุจากเรือสปีดโบ๊ทแผลมันจะไม่สม่ำเสมอกันแผลจะเหวอะหวะแต่ไม่เสียชีวิต

      อีกทั้งในเรื่องที่แซนแจ้งว่าแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ตนอยากทราบว่ามีผลตรวจยูเรียหรือไม่ กล่าวคือการที่จะไปปัสสาวะท้ายเรือก็ต้องมีการกระเด็นไปติดตามบริเวณเรือต่าง ๆ และอีกมุมหนึ่งคือถ้าโดนแตงโมโดนใบพัดเรือบาดจริงก็ต้องมีดีเอ็นเอของแตงโมติดอยู่ที่บริเวณใบพัดเรือ

      อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เผยว่า สิ่งที่ตำรวจออกมาแถลงข่าวนั้นเป็นสิ่งที่มันขัดแย้งกับความรูสึกของประชาชนเกือบมั้งประเทศ กล่าวคือ ตั้งแต่ตำรวจทำคดีในตอนแรกแจ้งว่าสาเหตุที่แตงโมตกน้ำเกิดจากเรือกระชากทำให้แตงโมเสียหลักพลัดตกน้ำไปหลังจากที่จับขาแซน ซึ่งในวันนี้ที่ตำรวจแถลงไม่มีการแจ้งว่าเรือกระชากเลย อีกหนึ่งเรื่องที่เห็นได้ชัดในขอพิรุธของตำรวจกคือการที่เอาหมูไปจำลองและเอาผู้เชี่ยวชาญทางเรือไปขับ แล้วทำไมจึงไม่บอกกับสังคมว่าเอาหมูไปมัดกับท้ายเรือไม่ใช่การโยนหมูลงไปให้เหมือนกับคนโดดถ้ามัดแล้วเป็นธรรมดาที่หมูจะต้องโดนดูด  แต่สิ่งที่ตนอยากจะแจ้งให้ทราบคือ น้ำหนักหมูกับคนนั้นต่างกันถ้าเอาหมูโยนไปกับคนโยนไปเป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะดูดหมูเข้าหาใบพัดและบาดแผลที่บริเวณขาของแตงโมนั้นเหมือนกับรอยแมวข่วน ซึ่งถ้าโดนใบพัดเรือจริงแผลจะต้องบานต้องมีรอยช้ำ ซึ่งพอดูแผลของแตงโมที่เป็นแผลใหญ่นั้นมันเป็นแผลที่ไม่มีรอยช้ำและเป็นรอยกรีดเพียงครั้งเดียว และตนยังยืนยันว่าแตงโมไม่ได้ตกบริเวณท้ายเรือ

      สุดท้าย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวเสริมว่า ตอนที่แตงโมอยู่บนเรือความเร็วจะเท่ากับถ้าตามหลักจุลศาสตร์แล้วนั้นเมื่อคนหลุดออกจากเรือคนจะมีความเร็วช้ากกว่าเรือเพราะฉะนั้นเรือจะไปข้าวหน้าคนจะไปด้านหลังยังไงตัวคนก็จะไม่โดนเรือดูดเข้าไปซึ่งมีวิธีเดียวคือต้องตกจากทางด้านหน้าเรือแล้วโดนเรือทับแบบนี้ถึงจะโดนใบพัดบาดได้