"จุรินทร์" ประกาศลาออกจาก คกก.สตรีและเพศ รับผิดชอบคดีอนาจารของ "ปริญญ์" #ถกข่าวร้อน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งโต๊ะแถลงขอโทษประชาชน กรณีคดีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันกระบวนการคัดคนเข้าพรรคผ่านกรรมการบริหารพรรคและมติที่ประชุมใหญ่ แต่จะเป็นบทเรียนให้ครั้งต่อไป พร้อมลาออก 2 คณะกรรมการสตรีและเพศของรัฐบาล แต่ต้องยังคงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

 

            นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวแสดงจุดยืนกรณีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และขอโทษต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของพรรค ในฐานะหัวหน้าพรรคที่มีส่วนสำคัญในการนำพานายปริญญ์ เข้าพรรค แม้กระบวนการจะต้องผ่านการพิจารณากรรมการบริหารพรรค และการให้ดำรงตำแหน่ง จะต้องผ่านที่ประชุมพรรค และยังไม่สามารถทราบคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า จะเกิดเหตุใดขึ้น ดังนั้น ในนามหัวหน้าพรรค จะต้องรับผิดชอบ และจะต้องร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด รวมถึงมีจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านการคุกคามทางเพศ และต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

 

            ส่วนกรณีของนายปริญญ์ พรรคจะไม่เข้าไปปกป้อง และขอให้สาธารณชนสบายใจได้ว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมใดๆ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และยอมรับว่า เป็นบทเรียน ที่จะต้องแก้ไขปรับปรุง นอกจากนี้ ตนจะขอลาออกจากการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติ เพื่อป้องกันการเกิดผลประทบต่อหน้าที่ และขออภัยนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนการแถลงข่าว ส่วนสาเหตุที่ไม่ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ตนมีการไตร่ตรอง 2 แนวทาง ซึ่งหากลาออกก็จะกลายเป็นการทิ้งปัญหา จึงคิดว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็จะต้องแก้ปัญหา ไม่ต้องให้กรรมการบริหารชุดอื่นต้องมารับผิดชอบ

 

            สำหรับ ความคืบหน้าเกี่ยวกับผู้เสียหายในคดีทางเพศของนายปริญญ์ ขณะนี้ มีผู้เสียหายแล้ว 14 ราย ซึ่งเป็นคดีอนาจาร คดีล่วงละเมิด คดีข่มขืน และคดีพรากผู้เยาว์

 

            และการออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ซึ่งในบางช่วงบางตอนที่ระบุว่า ตนเองมีส่วนสำคัญในการนำพานายปริญญ์เข้าพรรคนั้น ทำให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างนายจุรินทร์กับนายปริญญ์ จนทำให้หลายคนนึกถึงบางเหตุการณ์ที่ “ผู้ใหญ่” ท่านหนึ่งของพรรคที่ขอลาออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่