จากกรณีที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ บุกเข้าจับกุมอาจารย์สอนวิชาสังคมศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.นาดี อ.เมือง จ.สุรินทร์ ขณะพานักเรียนหญิงชั้น ม.3 เข้าไปในม่านรูด เพื่อกระทำอนาจารกับเด็กนักเรียน โดยอ้างเหตุผลให้มาแก้ ร.ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ล่าสุด ตำรวจได้เตรียมฝากขัง “อาจารย์หื่น” แล้ว พร้อมคัดค้านการประกันตัว
พ.ต.อ.เทียนชัย เลิศมณีทวีทรัพย์ ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ เปิดเผยว่า ภายหลังตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ได้เข้าทำการจับกุมครูสอนวิชาสังคมของโรงเรียนชื่อดังใน จ.สุรินทร์ ขณะพานักเรียนหญิงชั้น ม.3 เข้าไปทำอนาจารภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่สอบปากคำนักเรียนหญิงรายนี้ เนื่องจากต้องรอสหวิชาชีพ เข้าร่วมสอบปากคำ เพื่อเป็นสักขีพยานในการดำเนินคดีกับครูที่กระทำอนาจารรายนี้
แต่หลักฐานและพยานแวดล้อมที่ตำรวจได้มาทั้งหมด ถือว่าสำคัญโดยเฉพาะภายในห้องพัก ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ที่มีการอ้างว่า ได้มีการพาตัวนักเรียนหญิงมาแก้ ร. ในวิชาสังคมศึกษา ซึ่งสถานที่แก้ ร. ที่เป็นห้องพักในโรงแรมแบบนี้ ถือว่าไม่ใช่สถานที่ในการแก้ผลการเรียนแล้ว ฉะนั้น จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่จะต้องนำไปประกอบในสำนวนคดี รวมทั้งจะต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ด้วย เพื่อนำมาประกอบในสำนวน โดยจะมีการนำตัวรักเรียนหญิงไปตรวจร่างกายในวันนี้
พ.ต.อ.เทียนชัย กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาพรากผู้เยาว์ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร เอาไว้ก่อน ส่วนข้อหาละเมิดนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลในหลายๆด้านเสียก่อน และหากพบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม ก็จะมีการแจ้งข้อหาต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้สหวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วย อัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักสาธารณสุข และการศึกษา เข้ามาร่วมในการสอบถาม เพื่อตรวจสอบความจริงกับผู้เสียหาย
สำหรับ กระบวนการทำงานของ “สหวิชาชีพ” จะเน้นช่วยเหลือคุ้มครองเยาวชน ผู้ถูกกระทำ ด้วยความรุนแรงในครอบครัว มีด้วยกัน 5 ขั้นตอน คือ 1.กระบวนการค้นหาความจริง หรือการสืบสวนสอบสวน 2.กระบวนการคุ้มครองและป้องกันเฉพาะหน้า 3.กระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้เสียหายและครอบครัว เป็นงานด้านการแพทย์ 4.กระบวนการคืนสู่สังคม และ 5.การป้องกันในการลดปัจจัยเสี่ยงภายในครอบครัวและชุมชน
ประเด็นบทลงโทษในคดีกระทำอนาจารในบ้านเราในช่วงที่ผ่านมา มักจะเกิดกระแสวิพาษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง รวมถึงการยกตัวอย่างบทลงโทษของประเทศอื่นๆมาเทียบเคียงกัน อย่างล่าสุด มีการพิพากษาคดีกระทำอนาจารในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีการพิพากษาชายคนหนึ่ง
กรณีนี้ศาลอินโดนีเซีย ได้พิพากษาประหารชีวิตนายเฮนรี วิราวัน อายุ 36 ปี ฐานข่มขืนนักเรียนหญิง 13 คนในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง โดยยื่นอุทธรณ์ต่ออัยการเรื่องโทษประหารชีวิต หลังศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต ไปเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ชาวอินโดนีเซียต่างตระหนัก และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องเด็กจากความรุนแรงทางเพศในโรงเรียนประจำทางศาสนาทั่วประเทศ
สำหรับประวัติอาชญากรรมของนายเฮนรี วิราวัน ได้ก่อคดีกระทำอนาจารเด็กมาตลอดในช่วง 5 ปี จนถึงปี 2564 โดยเด็กที่ถูกข่มขืนมีอายุระหว่าง 12-16 ปี และเหยื่อตั้งครรภ์ 8 คน จาก 13 คน
+ อ่านเพิ่มเติม