ลุงวัย 70 ปี ใช้ค้อนทุบหัวแฟนสาววัย 37 ปี เสียชีวิตคาห้อง สารภาพ สาเหตุมาจาก ความหึงหวง หลังก่อเหตุ ติดต่อสามล้อให้มาช่วยขนศพ อ้างเป็นพระพุทธรูป หวังอำพรางคดี
วันที่ 5 เม.ย. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต ภายในห้องพักไม่มีชื่อ ย่านถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น แบ่งเป็นห้องพักให้เช่า บริเวณห้องพักชั้น2 ภายในห้องพักพบร่างผู้เสียชีวิตถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอนอย่างมิดชิด เจ้าหน้าที่จึงเปิดออกพบศพหญิงสาวนอนเปลือยกาย ทราบชื่อภายหลังคือน.ส.เกศสุดา อายุ 37 ปี มีบาดแผลบริเวณใบหน้าถูกตีด้วยของแข็ง เขียวเป็นจ้ำฟกช้ำ และมีเลือดไหล ถัดไปจากร่างพบค้อน ซึ่งคาดว่าเป็นอาวุธที่ใช้ทำร้ายผู้ตายตกอยู่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุคือนายเชย อายุ 70 ปี อาชีพคนขับรถแท็กซี่ อยู่ในจุดเกิดเหตุอีกด้วย จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน
นายจรูญ อายุ 56 ปี เผยว่าก่อนเกิดเหตุมีแม่ค้าที่รู้จักกันโทรมาหาตนเอง บอกว่าห้องผู้ก่อเหตุ มีคนเสียชีวิต ตนเองจึงไปดู พบเห็นร่างคนถูกห่อด้วยผ้าห่มผ้าปูที่นอน ตนจึงพยายามสะกิดดู เมื่อไม่ขยับตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ให้มาตรวจสอบ เพราะกลัวว่าจะมีเหตุ
ด้าน มารดาของผู้เสียชีวิต หลังทราบข่าวได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ร้องไห้จนเป็นลม อาสาสมัครร่วมกตัญญูต้องช่วยกันปฐมพยาบาล ก่อนเผยว่าตนเองแยกกันอยู่กับลูกสาว ซึ่งตัวลูกสาวเองมักย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ไม่เป็นหลักแหล่ง โดยล่าสุดที่เจอกับลูกสาว คือ เมื่อวันเสาร์ (2 เม.ย.)ที่ผ่านมา ลูกสาวได้เดินทางไปหาตนเอง โดยเดินทางไปพร้อมกับผู้ก่อเหตุ สำหรับ ผู้ก่อเหตุ นั้น คบหากับลูกสาวตนเองได้สักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมาบอกกับตนเองว่าอยากจะผูกข้อมือแต่งงาน นอกจากนี้ยังเคยมาบอกให้ตนเองช่วยตามลูกสาวกลับมา หลังจากที่ลูกสาวไปติดพันคนอื่น ก็ไม่คิดว่านายเชยจะมาก่อเหตุกับลูกสาวของตน
จากการสอบสวนนายเชย ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับผู้ตายมาสักระยะหนึ่ง และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีปากเสียงกับผู้ตาย ก่อนบันดาลโทสะ ใช้ค้อนที่อยู่ภายในห้องตีที่ศีรษะผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนจะห่อด้วยผ้าห่มและมัดอย่างมิดชิด หลังจากนั้นจึงลงไปจ้างสามล้อเครื่อง(รถตุ๊กตุ๊ก)มาช่วยขนศพออกไปเพื่ออำพรางโดยอ้างว่าเป็นพระพุทธรูป แต่คนขับรถสามล้อไม่หลงเชื่อ และคิดว่าไม่น่าจะใช่พระพุทธรูป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า สาเหตุมาจากความหึงหวง อย่างไรก็ตามจะสอบปากคำนายเชยอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม