อดีตพยาบาลวิชาชีพ ร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกชายฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วมีเลือดออกที่วุ้นลูกตา ทำตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน สุดท้ายตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นอุปสรรคต่อชีวิต ไม่มีหน่วยงานแสดงความรับผิดชอบ
วันที่ 29 มี.ค.65 น.ส.ธิติสุดา อุลซาเมอร์ อดีตพยาบาลวิชาชีพ แม่ของผู้เสียหาย ร้องผ่านรายการถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงกรณีที่ ลูกชายซึ่งเป็นช่างภาพ กราฟฟิกดีไซน์ และ โปรแกรมเมอร์ มีโรคประจำตัว ป่วยเป็นไตวายมาตั้งแต่ปี 2562 และจะต้องเข้ารับการฟอกไตอยู่เป็นประจำ แต่ทางโรงพยาบาลได้บอกให้ลูกชายของตนไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยอ้างว่าถ้าไม่ฉีดวัคซีนจะไม่สามารถเข้ารับการฟอกไตได้ ลูกชายของตนจึงยินยอมฉีด โดยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ลูกชายได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 เข็มที่ 1 เป็นยี่ห้อไฟเซอร์ แต่พอรุ่งเช้าวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ก็เริ่มมีอาการตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน จึงได้มีการไปตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ก็แจ้งว่ามีเลือดออกที่เยื่อหุ้มตา เป็นสาเหตุให้มองเห็นไม่ชัดเจน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
และ ในวันที่ 19 มกราคม 2565 ได้ไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามนัดของโรงพยาบาลอีกครั้ง ยิ่งทำให้ให้มองเห็นไม่ชัดเจนมากขึ้น จนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้พาลูกชายไปตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุว่าเลือดออกในเยื่อหุ้มตาทั้ง 2 ข้าง ระดับการมองเห็นอยู่ในเกณฑ์บอดทั้ง 2 ข้าง จนขณะนี้ไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพได้ต้องเป็นภาระให้กับครอบครัวและภรรยาของลูกชายที่ต้องคอยหาเลี้ยง
น.ส.ธิติสุดา เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนก็เคยทำหนังสือร้องเรียนผ่านไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดยโสธรเพื่อขอความช่วยเหลือและทำหนังสือของดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 และขอพิจารณาขอความช่วยเหลือเยียวยาไปยังโรงพยาบาลยโสธรมาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่จากทางโรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกไปสอบถามถึงอาการของลูกชายตนแต่อย่างใด และที่ตนออกมาร้อง ยืนยันว่าตนเองไม่อยากได้เงินเยียวยา ตอนนี้ สิ่งที่ตนเองต้องการ คือ อยากให้มีการรักษาลูกชายจนดวงตาหายเป็นปกติ
ฟาก คุณต้อง สกุลเชษฐ์ ผู้เสียหาย เล่าถึงอาการที่เกิดขึ้นว่า หลังฉีดวัคซีนเข็มแรก วันรุ่งขึ้นก็มีอาการตาพร่ามัว มองอะไรก็เหมือนมีหมอกลงจัด ต้องมองระยะใกล้ฝ่ามือถึงจะมองเห็น ซึ่งก่อนที่จะฉีดวัคซีน ยังมองเห็นเป็นปกติ ขับรถได้ ทำงานได้ ทำกับข้าวได้ แต่พอไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อาการหนักกว่าเดิม ภาพที่เห็นจากพร่ามัวกลับกลายเป็นว่ามันมืดลงไปเลย จนทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ตอนนี้ไม่ได้ทำงานมา 3 เดือนแล้ว ส่วนเรื่องที่มีการให้ข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบอกว่าต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึงจะได้รับการรักษาได้นั้น ตรงจุดนี้ ขออธิบายว่า จริงๆ เป็นนโยบายของทางโรงพยาบาลว่า ถ้าญาติ หรือ คนไข้ไม่ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ 2 เข็มขึ้นไป จะไม่สามารถขึ้นตึกได้ ตนจึงต้องไปฉีดวัคซีน
ทางด้าน นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยคุณแม่ เผยว่า ตนเจอเคสที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนเยอะมาก ตนจึงได้ให้คำแนะนำ สำหรับเคสของน้อง ที่มีผลกระทบทำให้เลือดออกในตาพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง เวลาเป็นโรคตา มันน้อยมากที่จะบอดพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ฉะนั้นมันต้องมีตัวกระตุ้น จากข้อมูลพบว่าวัคซีนมีโอกาสทำให้เส้นเลือดแตกได้ ฉะนั้น วัคซีนอาจะเป็นส่วนหนึ่งที่ไปกระตุ้น เขาฉีดเข็มแรกก็มีปัญหาแล้ว แต่ยังมีการบังคับอ้อมๆ ให้ต้องฉีดเข็ม 2 จึงทำให้อาการหนักมากกว่าเดิม ตนคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแล้ว ส่วนเกณฑ์ที่จะใช้วัดว่าเป็นผลกระทบจากวัคซีนหรือไม่ ใช้การตัดสินของหมอหรือว่าผลตรวจ ซึ่งหมอเองก็ไม่กล้าฟันธง แล้วพอไม่เป็นข่าว ก็ไม่อยู่ในเกณฑ์รึเปล่า หลักเกณฑ์มันคืออะไรกันแน่ ครอบคลุมทั้งประเทศหรือไม่ นโยบายที่บอกมันมีอยู่จริงหรือไม่
ด้าน นพ.สุดชาย เลยวานิชย์เจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยโสธร เผยว่า ทางโรงพยาบาลมีแนวทางเรื่องของการติดเชื้อในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในผู้รับบริการที่เป็นกลุ่มคนเยอะๆ และผู้ให้บริการ เพราะช่วงนี้มีการระบาดของโควิดเป็นจำนวนมาก การติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจะทำให้ลำบากมากขึ้น เราจึงมีมาตรการในเรื่องของการตรวจ ATK ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อที่จะคัดกรองคนไข้กลุ่มหนึ่ง ป้องกันการติดเชื้อภายใน และหากไม่ตรวจ ATK เราก็ให้บริการเหมือนกัน แต่อาจจะแยกออกไป สำหรับกลุ่มที่ตรวจ ATK แล้วพบว่ายังฉีดวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม ทางโรงพยาบาลจึงอยากกระตุ้นให้ประชาชนได้รับวัคซีนให้ครบ ในกรณีที่คนไข้ไม่ยอมฉีดวัคซีนก็จะได้รับบริการได้ตามปกติ ยืนยันว่าไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการดูแลรักษา ทางโรงพยาบาลต้องขอแสดงความเสียใจและเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน เราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยยืนยันว่าจะรักษาดูแลผู้ป่วยรายนี้ ตามมาตรฐานทางการแพทย์อย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถกลับมามองเห็นชัดเจนได้เหมือนเดิม แต่สาเหตุที่ผู้ป่วยสงสัยว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้นเหตุทำให้ดวงตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน ยังไม่สามารถยืนยันได้ ต้องรอให้กรรมการกลางของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เป็นผู้พิจารณา และวินิจฉัย
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า อาการใดๆ ที่เกิดหลังจากการฉีดวัคซีน ต้องคิดไว้ก่อนว่าเกิดจากวัคซีน หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เกิดจากวัคซีน เราก็จะนำไปสู่กระบวนการเยียวยา หลักที่เราใช้มาตลอด หลังจากที่คนไข้ฉีดวัคซีน และเกิดการเจ็บป่วยใดๆ มันอาจเกิดจากการฉีดวัคซีนได้เสมอ ระดับการเยียวยา ขึ้นอยู่กับความรุนแรงที่เกิดขึ้น และคณะอนุกรรมการระดับเขตจะช่วยกันดูแล และมีการพิจารณาทุกสัปดาห์ สำหรับเคสนี้ จะได้รับการพิจารณาในวันที่ 1 เม.ย.นี้
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม