คิดถึงนางฟ้าบนสวรรค์! ครบรอบ 1 เดือนการจากไปของ "แตงโม นิดา"#ถกข่าวร้อน

วันนี้ จะครบ 1 เดือนกับการจากไปของ "แตงโม นิดา" ที่พลัดตกเรือสปีดโบตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เราจะไปดูกันว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา มีการสืบสวนพบข้อเท็จจริงอะไรในคดีนี้กันบ้าง

 

            จุดเริ่มต้นการจากไปของนักแสดงสาวอย่างไม่มีวันกลับ เกิดขึ้นช่วงกลางดึกคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้รับแจ้งว่า นางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา พลัดตกหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนนั้นที่เกิดเหตุมีกลุ่มคนที่อยู่บนเรือ 5 คน ให้การสับสน ก่อนออกไปตามหาแตงโมตั้งแต่สะพานพระราม 5 ถึงสะพานพระราม 8 ก่อนที่ทั้งหมดจะหายไป ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยปักหลักค้นหาต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ร่วมกับหลายหน่วยงาน และศิลปินดาราที่นำเอาเรือและเจ็ตสกีร่วมออกค้นหาด้วย จนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จึงพบร่างไร้วิญญาณของแตงโม โผล่ใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ในจังหวัดนนทบุรี ใกล้กับจุดที่มีการตั้งฐานปฏิบัติการออกค้นหา ก่อนที่ตำรวจจะตัดสินใจส่งร่างของแตงโม ไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ

 

            หลังเหตุการณ์ในวันนั้นก็มีการตั้งข้อสงสัยต่าง ๆ นานา ถึงพิรุธคนที่อยู่บนเรือที่มีด้วยกัน 5 คน คือ ปอ, โรเบิร์ต, กระติก, แซน และจ๊อบ ที่แรก ๆ ให้การวกวน ไม่ให้ความร่วมมือตำรวจทันที นำเรือไปเก็บที่อู่ มี 4 คน ไปพูดคุยอะไรบางอย่างกันที่ปั๊มน้ำมัน ส่วนกระติก ให้ "โบ TK" มารับไปส่งที่บ้านของแตงโม แล้วขับรถตัวเองกลับไปที่พัก ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวของแตงโม ถูกลบภาพหายไป 7 ภาพ ซึ่งแม่ของแตงโม ยืนยันว่าไม่ใช่คนลบและส่งโทรศัพท์มือถือของแตงโมให้ตำรวจไปตรวจสอบ

 

            27 กุมภาพันธ์ ตำรวจออกหมายจับ 2 คนบนเรือ คือ ปอ และโรเบิร์ต ฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมเปิดเผยผลชันสูตรเบื้องต้นว่าขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ พบทรายจำนวนมากในปอด และแผลที่ต้นขาด้านซ้าย ในวันเดียวกันมีการแถลงเปิดใจจาก กระติก และ แซน บอกว่า แตงโมจับขาก่อนพลัดตกเรือสปีดโบต เพราะไปปัสสาวะท้ายเรือ ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมา เพราะวันนั้นแตงโม สวมชุดบอดี้สูท ที่คล้ายกับชุดว่ายน้ำ ซึ่งเป็นการยากที่จะทำแบบนั้น

 

            ระหว่างนั้นโซเชียลก็เริ่มรวบรวมข้อมูล พากันวิเคราะห์ แชร์ภาพต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จนวันที่ 1 มีนาคม ตำรวจเชิญทั้ง 5 คน มาตรวจร่างกายเพื่อเก็บร่องรอยนำไปพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ต่อมาช่วงค่ำมี 3 คน เข้าขอขมาแม่ของแตงโม ซึ่งแม่บอกว่าให้อภัย ปอ และโรเบิร์ต 100% แต่ไม่ให้อภัยกระติก

 

            2 มีนาคม เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการรับผลประโยชน์หากแตงโมเสียชีวิต ซึ่ง แอนนา และ ฮิปโป เพื่อนของแตงโมบอกว่า คนที่ได้รับเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งเป็นลูกของกระติก ตามที่แตงโม ได้เขียนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุไว้วงเงิน 1 ล้านบาท

 

            3 มีนาคม "โบ TK" เข้าให้ปากคำ คดีแตงโม พร้อมแถลงข่าวบอกเล่าเรื่องราวในคืนวันเกิดเหตุ และทิ้งประโยคสำคัญ "สัจจะเท่านั้นจะทำให้เป็นไทย ความจริงเท่านั้นจะปกป้องเราได้"

 

            4 มีนาคม ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเคลื่อนไหว พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือคดีแตงโม พร้อมกับอีก 3 วันต่อมา ได้พูดคุยกับพี่ชายของแตงโมว่า จะให้เข้าไปพบตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมทางคดี แต่สุดท้ายวันนั้นก็ไม่ได้ไป หลังมีการพูดคุยกันในครอบครัว

 

            11 มีนาคม ครอบครัวประกอบพิธีไว้อาลัย แตงโม นิดา เป็นวันแรก มีเพื่อนศิลปิน กลุ่มแฟนคลับ และคนที่ลงทะเบียนจะไปร่วมงานเต็มจำนวนที่นั่ง ในคืนแรก ปอ, โรเบิร์ต, จ๊อบ เดินทางร่วมพิธี ส่วน "เบิร์ด" แฟนของแตงโม นำแหวนไปวางไว้ที่หน้ารูปของแฟนสาว พร้อมบอกเพื่อน ๆ ว่า ได้แต่งงานแล้ว ต่อมาคืนที่ 2 แซน เข้าร่วมพิธีไว้อาลัย และในคืนสุดท้ายวันที่ 13 มีนาคม แม่ของแตงโมประกาศ จะขออายัดร่างของแตงโมไว้ก่อน และเลื่อนพิธีฌาปนกิจในวันที่ 14 มีนาคม ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

 

            14 มีนาคม แม่ของแตงโม, ทนายเดชา, ทนายกฤษณะ ไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อฟังคำอธิบายผลการชันสูตรและความคืบหน้าทางคดีจากตำรวจ ตอนนั้นแม่บอกว่าไม่คาใจเกี่ยวกับสภาพศพ เพราะไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ฟันยังอยู่ครบ

 

            15 มีนาคม ศพของแตงโมถูกส่งไปฝากไว้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการชันสูตรศพรอบที่ 2 พร้อมตั้งข้อสงสัยทั้งจากข้อสังเกตของแม่ กระแสโซเชียล และทนายความ ระหว่างนั้นมีปัญหาทางเอกสารเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ดำเนินการผ่าชันสูตรได้ในวันที่ 17 มีนาคม ตามกำหนดการเดิม และช่วงเย็นถึงค่ำของวันนั้น ก็มีการแถลงสรุปผลการผ่าชันสูตรรอบสอง เบื้องต้นพบว่าผลการชันสูตรสอดคล้องกับที่โรงพยาบาลตำรวจดำเนินการ ฟันอยู่ครบ ศีรษะไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย

 

            16 มีนาคม ปอ และโรเบิร์ต เข้าบวชเป็นโยคีพราหมณ์ แต่เปลี่ยนสถานที่จากวัดท่าไม้ เป็นธรรมสถานวิโมกสิวาลัย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แต่ผ่านไปได้ 2 วัน ก็มีการแถลงข่าวจากพระอุเทน ปอ และโรเบิร์ต บอกว่าถูกตำรวจล้อมรถ สะกดรอยติดตาม ซึ่งต่อมาตำรวจก็ชี้แจงว่าเป็นการทำหน้าที่ตามปกติของตำรวจ ตชด. ที่เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินทางไปพื้นที่แนวชายแดนเขากระโจม จังหวัดกาญจนบุรี ในยามวิกาล ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีการสั่งเฝ้าระวังไว้นานแล้ว และอีกไม่กี่วันต่อมาก็มีการสั่งตรวจสอบ สถานที่ปฏิบัติธรรมดังกล่าว หลังพบว่าบุกรุกใช้สถานที่ราชพัสดุโดยมิชอบ ซึ่งอธิบดีกรมธนารักษ์ไปตรวจสอบแล้ว พบว่าสถานปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุจริง แต่ก็มีการทำเรื่องขอเช่าใช้พื้นที่ไว้ เพียงแต่ดำเนินการไม่เรียบร้อย จึงให้ไปจ่ายค่าเช่าย้อนหลัง

 

            18 มีนาคม แม่ของแตงโม ขอเปลี่ยนตัวทนายที่รับผิดชอบทำคดีนี้เป็นทนายเดชา โดยมีการต่อสายโทรศัพท์อธิบายเหตุผล ต่อมาทนายกฤษณะ นำหนังสือการแต่งตั้งเป็นทนายความไปฝากคืน แต่ยืนยันว่าจะช่วยหาพยานหลักฐานคดีนี้ต่อ พร้อมกับเกิดความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง 2 วัน 21 และ 22 มีนาคม ที่มีคนไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับหน่วยงานต่าง ๆ บอกว่าพบพิรุธคดี อยากให้หน่วยงานนั้น ๆ ให้ความเป็นธรรม จนในช่วงเย็นวันที่ 22 ทนายเดชา นัดสื่อมวลชนมาฟังรายละเอียดจากแม่อีกที ซึ่งแม่บอกขอบคุณทุกคนที่ออกมาเคลื่อนไหว แต่ขอให้ใจเย็น ๆ ชะลอการเคลื่อนไหว แล้วรอฟังตำรวจแถลงปิดคดีก่อน หากไม่เคลียร์ข้อสงสัยถึงเวลานั้นค่อยมาว่ากัน

 

            และล่าสุดเมื่อวานนี้ ตำรวจแถลงความคืบหน้าคดีแตงโม ซึ่งในส่วนนี้หากนับผลการสืบสวนตั้งแต่วันแรก จะพบว่าตำรวจมีการจำลองเหตุการณ์หลายครั้ง ตั้งแต่ที่นัดให้คนบนเรือทั้ง 5 คน มาชี้จุดอธิบายว่าวันนั้นบนเรืออยู่ตรงจุดไหนและทำอะไร การจำลองหาความเร็วและจุดที่คาดว่าแตงโมจะตกเรือเปรียบเทียบกับสัญญาณ GPS ของเรือ จำลองเปรียบเทียบหาบาดแผลที่ขาของแตงโม งมหาวัตถุพยานที่ตกอยู่ใต้น้ำ ส่วนการสอบปากคำมีการเรียกพยานและผู้เกี่ยวข้องไปสอบสวนแล้ว 115 ปาก มีวงจรปิดจุดต่าง ๆ มากว่า 70 ตัว และคลิปที่ปรากฏในโซเชียลมากกว่า 216 คลิป ที่นำไปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดแล้ว แนวทางคดียังคงชี้ไปในทางอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาท ยังไม่ปิดความเป็นไปได้อื่น ส่วนที่ตำรวจยังรออยู่ก็คือผลการตรวจชันสูตรรอบ 2 และผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หรือออกหมายจับใครอีกหรือไม่ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าคดีที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป จะเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ