"หมอปลา" พาเหยื่อถูกโกงโควต้าลอตเตอรี่ร้องกองปราบฯ #ถกข่าวร้อน

“หมอปลา” พากลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกขายโควต้าล็อตเตอรี่ จำนวนกว่า 50 ล้านบาท เข้ายื่นหนังสือต่อตำรวจกองปราบปราม ซึ่งถูก “เจ๊ญา” เจ้าของร้านส้มตำชื่อดังในเมืองทองธานี มาหลอกลวงให้ซื้อโควต้าล็อตเตอรี่ โดยมีความสนิทสนมกับข้าราชการระดับสูงของกองสลากฯ นักการเมือง รวมถึงตำรวจระดับบิ๊กๆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

 

            นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมด้วย ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ ทนายโนบิ ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย และผู้เสียหายรวม 4 ราย เข้ายื่นหนังสือต่อกองบังคับการตำรวจปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ “เจ๊ญา” เจ้าของร้านส้มตำชื่อดังในเมืองทองธานี ที่หลอกขายโควต้าล็อตเตอรี่ โดยเจ๊ญาอ้างว่า รู้จักกับข้าราชการระดับสูงของกองสลาก รวมถึงบุคคลสำคัญทางการเมือง จนเกิดความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท 

 

            น.ส.เอ เปิดเผยว่า ทางขบวนการมีภาพถ่ายกับข้าราชการระดับสูงในสังคมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยได้หลอกพวกตนลงทุนในโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดละ 300 เล่ม โดยงวดแรก พวกตนลงทุนเป็นเงินจำนวน 5 ล้านบาท และได้สลากกินแบ่งรัฐบาลจริง ส่วนงวดที่ 2 พวกตนได้ลงทุนไปอีกเป็นเงิน 10 ล้านบาท แต่กลับได้สลากกินแบ่งรัฐบาลมาเพียงครึ่งเดียว เมื่อติดต่อกลับไปทางเจ๊ญาก็ไม่คืนเงินพวกตน อ้างว่าหัวหน้าป่วย และให้เงินที่พวกตนลงทุนไปแล้วเป็นค่าโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรอบถัดไป 

 

            ด้านหมอปลา บอกว่า ขบวนการนี้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหม่อมหลวงรายหนึ่ง ที่วิ่งเต้นซื้อขายตั๋วข้าราชการ ที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ เมื่อผู้เสียหายมาออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง จึงทำให้มีคนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตกเป็นผู้เสียหายถูกขบวนการดังกล่าว ได้หลอกขายโควต้าล็อตเตอรี่ ซึ่งตนเชื่อว่า มีผู้เสียหายอีกหลายราย แต่เกรงกลัวอิทธิพลของคนร้าย

 

            ขณะที่ ทนายไพศาล เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีกลุ่มผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าความเสียหายจะมีถึง 50 ล้านบาท ส่วนคดีตั๋วผู้กำกับ ขณะนี้ทางกองปราบฯ กำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ จึงขอฝากให้ช่วยปราบปรามขบวนการนี้ด้วย

 

            ส่วนความคืบหน้าการติดตามคดีนั้น พ.ต.ท.ภูริพัฒน์ นามพุทธา รอง.ผกก.สอบสวน กก.2.บก.ป. เปิดเผยว่า ต้องแยกความผิดเป็นสองประเด็น เรื่องแรกคือคดีซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้โอนสำนวนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม โดยอยู่ระหว่างการสอบปากคำและเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

ส่วนเรื่องการหลอกลวงขายโควต้าลอตเตอรี่ จะทำการเรียกสอบปากคำผู้เสียหาย และพิจารณาออกหมายจับดำเนินคดีกับขบวนการดังกล่าวต่อไป