จากกรณีที่ครอบครัวเด็กหญิงวัย 12 ไปแจ้งความเอาผิดชายอายุ 51 ปีคนหนึ่ง ข่มขืนจนตั้งท้อง แต่ผลตรวจ DNA รอบ 2 ดันตรงกับคนเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็กเอง ขณะที่แม่ยังติดใจไม่เชื่อว่าสามีจะทำลูกสาวได้ลงคอ ตั้งข้อสังเกตขอดูเอกสารผลตรวจ DNA แต่ตร.ไม่ให้ดู
เปิ้ล (นามสมมติ) แม่ของเด็กหญิง 12 ปี เผยว่า ตนคาใจเพราะว่า DNA ออกมาก็ไม่ได้ให้ตนดู ตอนนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบแล้วเหตุผลที่ไม่ให้ดูก็ไม่อธิบายให้ตนฟัง บอกเพียงแค่ว่าดีเอ็นเอตรงกับสามีของตน แล้วมันตรงอย่างไร เขาตรวจกันยังไง แล้วทำไมมันตรง ตนเข้าใจว่าเนื่องจากลูกของเราคลอดเด็กออกมาผล DNA อาจจะตรงกับตา ยาย ก็ได้ เพราะคือสายเลือดเดียวกัน
อีกทั้งตนยังแจ้งอีกว่า ตนนั้นไม่เคยทราบมาก่อนว่าลูกของตนเองตั้งครรภ์และเหตุการณ์ที่ทำให้ตนรู้นั้นคือ ลูกสาวของตนปวดท้องจึงพาไปโรงพยาบาล พอตรวจก็พบว่าลูกสาวของตนกำลังจะคลอดลูก ตนเลยงงว่าลูกสาวของตนไปท้องตอนไหน เพราะลูกสาวของตนไม่บอกและท้องของลูกสาวก็ไม่เหมือนคนตั้งครรภ์ พอคลอดเสร็จตนจึงสอบถามกับลูกสาวว่าใครเป็นพ่อของเด็กลูกสาวจึงบอกว่าเป็นลุงข้างบ้าน เนื่องจากถูกล่วงละเมิดทางเพศในเดือน มีนาคม 2564 และคลอดเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นการคลอดก่อนกำหนด โดยมีอายุครรภ์เพียงแค่ 7 เดือน
เหตุที่ตนไม่เชื่อว่าสามีของตนเป็นพ่อเด็กเพราะลูกสาวยืนยันว่าว่าพ่อตนเองไม่ได้ทำกับตัวเอง คนที่ทำคือลุงข้างบ้าน ซึ่งกระทำบริเวณเถียงนา ใกล้กับที่ที่ตนเองไปเลี้ยงวัว เมื่อผลดีเอ็นเอออกมาก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ และแจ้งอีกว่าอยากจะตรวจ DNA อีกรอบ ซึ่งจะไม่ตรวจที่เดิมแต่จะมาตรวจที่กรุงเทพวอนให้ช่วยประสานงานอีกครั้ง
พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย แพทย์ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เผยว่า การตรวจ DNA ครั้งที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจไม่ใช่แค่ผู้ที่ถูกกล่าวหาเท่านั้นยังรวมไปถึงญาติด้วย ซึ่งหลังผลตรวจ DNA ครั้งที่ 2 ไม่ตรงตัวผู้ต้องสงสัย แต่ดีเอ็นเอดังกล่าวตรงกับพ่อของเด็กหญิง 12 ปี และในคำถามที่สงสัยว่า ความเป็นตาทำให้ DNA ไปตรงกับความเป็นพ่อได้หรือไม่ กล่าวคือ จะไม่ตรงทุกตำแหน่งโดยจะมีตำแหน่งที่ถูกปฏิเสธหรือไม่เข้าคู่กันแต่ผลตรวจที่ออกมาคือตรงทั้ง 21 ตำแหน่งนั่นคือเป็นพ่อของเด็ก
เฮียเปี๊ยก เผยว่า ถ้าเกิดว่าทางคุณแม่เปิ้ล (นามสมมติ) ยังสงสัยในเรื่องของผลตรวจ DNA แล้วอยากจะให้ทำการตรวจอีกครั้งตนก็ยินยอมที่จะให้ตรวจและออกค่าใช้จ่ายให้ แต่ถ้าเกิดผลตรวจในครั้งนี้ออกมาปรากฏว่าสามีของคุณเปิ้ลเป็นพ่อของเด็กจริงก็ต้องยอมรับในผลตรวจด้วย
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เผยว่า จริง ๆ ชื่อมันก็แจ้งอยู่แล้วว่าคือการตรวจหาความสัมพันธ์พ่อ แม่ ลูก เพราะฉะนั้นตัวบุคคลที่จะมาตรวจก็ต้องเป็นผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นพ่อของเด็ก โดยการตรวจตัวของ DNA จะมีอยู่ 2 ขา ครึ่งนึงของ DNA จะมาจากพ่อและอีกครั้งนึงจะมาจากแม่ ถ้าตรงกันหมด ทั้ง 21 ตำแหน่งก็คือเป็นพ่อลูกกัน ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณตาจะมี DNA ตรงกับหลาน
ทนายโนบิ กฤษฎา โลหิตดี ทนายความ เผยว่า เบื้องตนได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาพ่อของเด็กไปแล้วในข้อหา การกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยทางพนักงานสอบสวนได้นำผลตรวจ DNA มาเป็นพยานหลักฐานในการแจ้งข้อกล่าวหาและฝากขัง และศาลยังไม่อณุญาติให้ประกันตัว เพราะเกรงว่าจะมายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานซึ่งก็ยังอยู่ในระหว่างของการสอบปากคำสหวิชาชีพเหตุเพราะผล DNA พึ่งออกมาแต่ก็ยังไม่มีการสอบปากคำเด็กเพิ่มเติม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขัดแยกเหยื่ออีกรอบและต้องมีการสอบปากคำกับสหวิชาชีพ หมอ นักจิตวิทยา สังคมสงเคราะห์ อัยการ และพนักงานสอบสวน เพื่อเข้ามาสอบถามกับเรื่องราวอีกครั้งโดยจะนำมาประมวลใหม่ทั้งหมดเนื่องจากเรื่องราวที่เด็กหญิง 12 ปี ให้การตั้งแต่แรก กับพยานหลักฐาน และผลตรวจ DNA มันขัดแย้งกัน
ถกไม่เถียง
ทิน โชคกมลกิจ
เด็กท้อง
ท้องปริศนา
ตรวจDNA
ข่มขืน
ข่มขืนเด็ก
dnaตรงกับพ่อ
พ่อแท้ๆ
พ่อเด็ก
เอกสารราชการ
ผลdnaไม่ตรง