"เพื่อไทย" ถาม รัฐฯ คิดดีแล้ว หรือถังแตกกันแน่ หลังเร่งปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น
logo ข่าวอัพเดท

"เพื่อไทย" ถาม รัฐฯ คิดดีแล้ว หรือถังแตกกันแน่ หลังเร่งปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น

ข่าวอัพเดท : รองโฆษก พรรเพื่อไทย ถาม รัฐบาลเร่งประกาศโควิด-19เป็นโรคประจำถิ่น คิดดีแล้ว หรือถังแตกกันแน่ พร้อมกังวล จังหวัดสุรินทร์ นำร่องมาตรการ พรรคเพื่อไทย,มาตรการโควิด,ยูเซป,ยูเซปพลัส,สุรินทร์,ผ่อนคลายมาตรการ,รัฐบาลถังแตก

742 ครั้ง
|
17 มี.ค. 2565
รองโฆษก "พรรเพื่อไทย" ถาม รัฐบาลเร่งประกาศโควิด-19เป็นโรคประจำถิ่น คิดดีแล้ว หรือถังแตกกันแน่ พร้อมกังวล จังหวัดสุรินทร์ นำร่องมาตรการทั้งที่ยอดติดเชื้อกว่า 300 คน/วัน 
 
             วันที่ 16 มี.ค.2565 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลเตรียมผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข สอดรับการเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ภายหลังนำการรักษาโควิด-19 ออกจากยูเซป แล้วตั้งเกณฑ์ ยูเซปพลัส ขึ้นมาใหม่นั้น รัฐบาลมีการพิจารณาที่รัดกุมดีแล้ว หรือต้องเร่งดำเนินการเพราะถังแตก ไม่มีเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนแล้วกันแน่ เพราะยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน รวมการตรวจ ATK ยังเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทบทุกวัน
 
             อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังคงแสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ BA.2 ที่มีความรวดเร็วสูง และก่อให้เกิดภาวะ ลองโควิด แต่หลังจากวันนี้ (16มี.ค.) ผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มสีเขียวจะเข้าถึงการรักษายากยิ่งไปกว่าเดิม และอาจเกิดเหตุโดนปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยสะดวก ทั้งที่การรักษาโรคโควิด-19 ควรให้เข้าถึงการบริการทางสาธารณสุขให้เร็วที่สุด
 
             นายชนินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ยังประกาศเตรียมให้จ.สุรินทร์ เป็นจังหวัดนำร่องในการประกาศใช้มาตรการโรคประจำถิ่น ผ่อนคลายการรับชาวต่างชาติจากชายแดนกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ ขณะที่การระบาดในจังหวัดยังทรงตัวในระดับค่อนข้างสูง ผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 300 คน/วัน มีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มในระดับต่ำ เพียง 55% หรือต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ จนสร้างความกังวลให้กับคนในจังหวัดอย่างมาก
    
             ยิ่งการผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. ที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนา และกิจกรรมทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น เกรงว่าคนสุรินทร์ จะต้องรับกรรมจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลแทน
 
             จึงอยากให้ภาครัฐเร่งวางแผนให้รัดกุม และประชาสัมพันธ์ในเรื่องดังต่อไปนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น ได้แก่ เกณฑ์การรับวัคซีนและคุณสมบัติของผู้ที่เดินทางเข้าออกระหว่างประเทศได้ มาตรการการตรวจคัดกรองและติดตามผู้เดินทาง เช่น ต้องตรวจ ATK ที่ด่านชายแดน ทั้งก่อนและหลังผ่านข้ามแดน และการให้เปิด GPS ติดตามผู้เดินทาง เกณฑ์วัดผลการระบาดที่เพิ่มขึ้น และมาตรการรองรับกรณีฉุกเฉิน และความพร้อมของระบบสาธารณสุขในจังหวัด และการเตรียมประสานความร่วมมือจากจังหวัดข้างเคียง
 
             “รัฐบาลชุดนี้มีผลงานเด่นชัดเรื่องความคิดไม่รอบคอบและขาดการสื่อสารที่ชัดเจนกับประชาชน ผมในฐานะคนสุรินทร์ เข้าใจดีว่าประเทศไทยต้องไปต่อ เพื่อเปิดให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ แต่การดำเนินการใดๆ ต้องรัดกุม และมีการสื่อสารกับประชาชนที่ชัดเจน หากยังคิดบริหารแบบขอไปทีอยู่อย่างนี้ ประชาชนคงอยากให้ไปๆ สักทีเสียดีกว่า” นายชนินทร์กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง