จากกรณีโรงพยาบาลปทุมธานีทำคนไข้หายปริศนา อ้างว่าญาติจำหน้าไม่ได้ นำมาซึ่งความแคลงใจของลูกสาวว่าพ่อตัวเองหายไปได้อย่างไร และตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
วันที่ 10 มี.ค. 2565 ด้านผู้เสียหาย ธัชสุภา วณิชยกุลวงศ์ หรือ แพท ลูกสาวของคุณลุงธีระที่หายสาปสูญ ได้มาร้องทุกข์ผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ โดยกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตอนนี้คุณพ่อเป็นบุคคลสูญหาย เพราะยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าคุณพ่อหายไปไหน โดยคุณพ่อป่วยเป็นอัลไซเมอร์มา 7 ปี เมื่อ ม.ค. ที่ผ่านมา เนอร์เซอรี่ที่ฝากคุณพ่อไว้ได้แจ้งว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 คุณพ่อเองก็เป็น 1 ในผู้ป่วย ทางเนอร์เซอรี่ก็ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลปทุมธานี หลังจากส่งตัวแล้วทางโรงพยาบาลก็มีการติดต่ออัปเดตกับทางลูกๆตลอด แต่ว่ามีแค่การโทรหาเท่านั้นไม่ได้เห็นหน้า ซึ่งอาการของคุณพ่อก็ดีขึ้นมาตลอด จากข้อมูลที่ทางโรงพยาบาลแจ้งมา พอถึงช่วงปลายเดือน ม.ค. ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าอาการคุณพ่อเริ่มทรุด ต่อมา 7 มี.ค. ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งกับพี่สาว่าคุณพ่อไม่ไหวแล้วให้มาดูใจคุณพ่อ เราจึงเดินทางไปโรงพยาบาลแต่เมื่อเห็นหน้าคุณพ่อแล้ว พบว่าไม่ใช่พ่อเรา แต่ทางพยาบาลยืนยันว่าใช่คุณพ่อ ลูกสาวอาจจะจำพ่อไม่ได้ เป็นปกติที่ญาติจะจำไม่ได้เพราะคนแก่ขาดสารอาหาร แขนขาลีบ แต่เราก็ยืนยัน 2-3 รอบว่าไม่ใช่ เขาก็บอกว่าก็ไม่รู้ เอกสารมาแบบนี้ เราเลยหาทางมายืนยัน เลยส่งรูปทางคุณลุงที่นอนอยู่กับเนอร์เซอรี่ ทางนั้นเขาก็บอกว่าไม่ใช่พ่อเรา และยังบอกว่าอีกว่าคุณลุงคนนี้คือคุณลุงบุญหนา เลยหาทางติดต่อญาติ ทางญาติเขาเห็นแค่รูปคนที่นอนบนเตียงเขาก็บอกว่าใช่พ่อของเขา
ทางโรงพยาบาลหาทางเช็คอะไรไม่ได้ กล้องวงจรปิดก็ดูไม่ได้ เลยขอเข้าไปยืนยันคุณพ่อด้วยตัวเองโดยต้องใส่ชุด PPE เข้าไป ซึ่งเราหวังว่าจะเจอคุณพ่อนอนอยู่ในเตียงชื่อคนอื่น เพราะขนาดคุณลุงบุญหนายังมาอยู่เตียงชื่อพ่อเราเลย แต่ก็ไม่เจอ ส่วนตัวเราเข้าใจว่ามีการรักษาสลับกัน ซึ่งคุณพ่อเป็นคนไม่มีโรคระจำตัว แต่คุณลุงบุญหนามีโรคประจำตัว หากมีการสลับกันอาจจะเป็นอันตรายหรือเปล่าตอนนี้ก็มีกระดูกของคนที่เราเข้าใจกันว่าเป็นคุณลุงบุญหนาที่อาจจะสลับกับพ่อเรา ซึ่งมันสำคัญกับหนูมาก เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันได้ว่าคนที่เสียไปใช่คุณพ่อของหนูหรือเปล่า แต่ทางนิติเวชก็กังวลเพราะเป็นกระดูกที่ผ่านการเผามา อาจจะสกัดไม่เจอดีเอ็นเอ
ด้านผอ.โรงพยาบาลให้ความร่วมมือดีมากไขข้อข้องใจได้หลายอย่าง และยอมรับความผิดว่าย้ายผู้ป่วยสลับกัน โดยเป็นการสันนิษฐานว่าตอนย้ายเตียงไปห้องใหม่ ในเรื่องการเยียวยาโรงพยาบาลให้หนูแจ้งไปว่าอยากให้เยียวยายังไง แต่ว่าเราก็ยังไม่ได้เรียกร้องอะไรเพราะกระดูกนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใช่คุณพ่อเราหรือเปล่า ซึ่งหนูจะเดินหน้าฟ้องร้องเรียกสิทธิ์ให้ถึงที่สุด เพราะคนจะเสียชีวิตลูกขอบเขาควรจะได้รับรู้
ภาสุรี ศรีปราช หรือ ตู๋ ลูกสาวของคุณบุญหนา ชี้แจงว่า ตอนนี้คุณพ่ออาการไม่ดีแล้วหายใจเหนื่อยหอบ ทางโรงพยาบาลประเมินอาการว่าอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ทางศูนย์โทรมาแจ้งว่าคุณพ่อติดโควิด19 ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลปทุมธานี ไม่นานทางโรงพยาบาลก็ได้โทรมายืนยันว่าคุณพ่อติดโควิด19 อาการเป็นอัมพฤกษ์ ข้อติด ทานอาหารเองไม่ได้ต้องให้อาหารทางสายยาง เราก็โอเคอาการตรงกับพ่อเรา ในทุกๆวันตู๋ก็จะโทรถามโรงพยาบาลเรื่องอาการคุณพ่อตลอด ต่อมาวันที่ 19 ม.ค. โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าคุณพ่อไม่ค่อยดีแล้ว อยากให้ญาติขึ้นมาเซ็นว่าจะให้สวนท่อคุณพ่อไหมหากเกิดกรณีฉุกเฉิน แต่ช่วงนั้นก็ไม่มีการได้เห็นหน้าคุณพ่อเลย วันที่ 21 ม.ค. เราก็โทรไปขอทางโรงพยาบาลว่าขอวิดีโอคอลกับคุณพ่อได้ไหม เพราะเรารู้ว่าพ่อคงอยู่ไม่นาน แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธ ถ้าจะวิดีโอคอลได้คือคนไข้ต้องมีโทรศัพท์ของตัวเอง แต่พ่อเราไม่มี จนมาถึงวันที่ 23 ม.ค. โรงพยาบาลก็โทรมาแจ้งว่าคุณพ่อเสียแล้ว ให้จัดแจงเรื่องวัดทำพิธีกรรมแล้วจะจัดรถไปส่งให้ ตอนเขาเอาศพมาส่งเขายังถามว่าเราใช่ญาติคุณบุญมีหรือเปล่า แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้แปลกใจอะไร แม้แต่ตอนเผาเราก็ไม่ได้เห็นหน้าพ่อเลย เขาไม่เปิดโรงให้เอาพวงมาลัยไปวางด้วยซ้ำ
ด้านโรงพยาบาลได้คุยกันเบื้องต้น โดยให้ตู๋ไปจัดแจงค่าใช้จ่ายในการจัดงานมา แต่ตอนนี้คุณพ่ออาการไม่ดีจึงแจ้งทางโรงพยาบาลไปว่า ขอดูแลเรื่องพ่อก่อน ในเรื่องการรักษาก็คิดคล้ายคุณแพท เพราะคนสองคนป่วยต่างกัน ได้รับการรักษาต่างกัน ก็ยังคาใจอยู่
สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า จริงๆแล้วเบื้องต้นทางโรงพยาบาลควรแสดงสปิริต ไม่ต้องรอถาม รับผิดชอบไปเบื้องต้น เยียวยาจิตใจเขาไปก่อนเลยเพราะทางคุณตู๋กำลังเศร้าโศกเพราะว่าอาการทรุด ด้านคุณแพททางโรงพยาบาลควรรีบมาให้ความร่วมมืออย่างดี และพยาบาลที่แจ้งเราว่าเราจำพ่อไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควร ควรมาเยียวยาจิตใจผู้เสียหายก่อน
ในเรื่องกระบวนการตรวจสอบ ทางโรงพยาบาลต้องให้ความร่วมมือและไม่ปกปิดข้อมูล ทางแพ่งเองก็ต้องรับผิดชอบด้วยควรทำให้กระจ่างและอยากฝากปลัดกระทรวงสาธารณสุข รมว.กระทรวงสาธารณสุขให้ออกมาทำเคสนี้เป็นเคสตัวอย่าง แสดงสปิริตออกมาเลย
นอกจากนี้ แนะนำให้ทั้งคู่รีบไปยื่นสาธารณสุขจังหวัดให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ายังไม่มีความคืบหน้าก็มาร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุข จะได้มีการสอบถามความคืบหน้าตามมา
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม