หลังจากที่โลกออนไลน์มีการการขุดคุ้ยข้อมูลประวัติของคนในแก๊งเรือสปีดโบ๊ท โดยระบุว่า เป็นคนอารมณ์ร้อน แถมควงสาวไม่ซ้ำหน้า และยังเคยใช้ปืนตบหน้ากรรมการแข่งรถ ล่าสุด “ทีมถกข่าวร้อน” ได้รับข้อมูลจาก “คนในวงการ” ที่เคยเห็นพฤติกรรมของคนๆนี้
เพจชื่อดังอย่าง “CSI LA” ได้ออกมาโพสต์แฉพฤติกรรมบนเรือสปีดโบ๊ท โดยอ้างหนึ่งในแก๊งสปีดโบ๊ท เป็นคนที่มีลักษณะอารมณ์ร้าย ชอบกดขี่ เคยใช้ปืนตบหน้ากรรมการต่างชาติในสนามแข่งรถ พาผู้หญิงไปสนามแข่งไม่ซ้ำหน้า ซึ่งข้อความระบุว่า “มีคนวงในสังคมรถแข่งส่งข้อมูลเกี่ยวกับอุปนิสัยของหนึ่งในแก๊งสปีดโบ๊ทมาให้ครับ ฝากคนในวงการ และนักข่าวช่วยตรวจสอบด้วยครับ ทางเพจมีชื่อฝรั่งที่ถูกทำร้ายจริงหรือไม่”
โดยหนึ่งในแก๊งสปีดโบ๊ทนั้น มีพฤติกรรมประมาณ 4 ข้อหลักๆ คือ 1.เป็นคนอารมณ์ร้าย คนในวงการรถแข่งรู้กันดี ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ เคยเอาปีนตบหน้ากรรมการต่างชาติที่ตัดสินว่าเขาแพ้ แต่ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเอาผู้ใหญ่มาช่วยเคลียร์
2.เป็นคนดิ้นรนที่จะอยู่ในวงการไฮโช และต้องการให้คนยอมรับ คนๆนี้เป็นคนหน้ามือหลังมือ คนละเรื่องกันเลย ชอบข่มขู่ บ้าอำนาจ เสียหน้าไม่ได้
3.หากใครได้เข้าทีมก็จะโดนกดขี่หมด และไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา และ 4.กรณีที่ภรรยาเขาบอกว่าเป็นสามีที่ดี แต่เวลาไปสนามแข่งกลับพาสาวไปไม่เคยพาไปซ้ำหน้าเลย
“ทีมถกข่าวร้อน” ก็ได้รับข้อมูลคนในแวดวงซึ่งเป็นคนในพื้นที่ภาคใต้ ระบุว่า หนึ่งในกลุ่มนี้ เคยไปร่วมทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายรถร่วมกับคนในพื้นที่ และพอเวลาไปทำธุรกิจก็จะมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรือมีการปาร์ตี้ ซึ่งแต่ละครั้งที่เข้ามาในพื้นที่ก็จะมีหญิงสาวสวยๆติดสอยห้อยตามมาด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนางแบบ และอาจมีดาราบ้าง ซึ่งตัวดาราส่วนใหญ่ที่มาก็จะเป็นคนที่ร่วมโปรโมทสินค้าของเขา โดยจะเดินทางมาจากกรุงเทพด้วยกัน
ส่วนกรณีที่โลกออนไลน์มีการออกมาแฉพฤติกรรมของคนในแก๊งสปีดโบ๊ทนั้น ก็มีความสอดคล้องกัน เรียกง่ายๆว่า “รู้ลึกจริงๆ”
สำหรับความคืบหน้าทางด้านคดี แตงโม นิดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมการคลี่คลายคดีแตงโม ซึ่งเตรียมนำเรือลำเกิดเหตุไปตรวจยืนยันจีพีเอส เพื่อพิสูจน์เส้นทางความเร็วว่าสอดคล้องกับเหตุการณ์หรือไม่ พร้อมยืนยันการตรวจร่างกายผู้ที่อยู่บนเรือไม่ได้ล่าช้าหรือบิดพลิ้วแต่อย่างใด
พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดี ซึ่งใช้เวลากว่า ชั่วโมงว่า พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมคณะทำงานเพื่อรายงานตามข้อสั่งการที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ซึ่งคณะทำงานได้รายงานในหัวข้อที่ ผบ.ตร.ได้สั่งการในหลายๆเรื่อง โดย ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินการทุกอย่างให้รัดกุมรอบคอบ และเร่งรัดติดตามผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์และทางพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในวันนี้ได้ตอบประเด็นในหลายเรื่องก็ได้เคลียร์ไป
พลตำรวจโท ประจวบ กล่าวอีกว่า วันนี้จะนำเรือลำจริงไปทดลองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบหาพิกัดและเวลาที่ได้รับจากจีพีเอสมา เพื่อให้ถูกต้องตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะมีการกำหนดว่า จะมีใครลงไปในเรือบ้าง และกำหนดเวลาเท่าไหร่ด้วย
ส่วนจะมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญทั้ง 5 คนมาด้วยหรือไม่ทางตำรวจภูธรภาค 1 จะเป็นผู้พิจารณา แต่ในความเป็นจริงก็ไม่จำเป็น เพราะการตรวจพิสูจน์พิกัดตามจีพีเอส รวมถึงเส้นทางต่างๆ และความเร็วจะตรงกันกับแผนที่หรือความเร็วที่ได้รับจากจีพีเอสนั้น จะสอดคล้องตรงกันหรือไม่ ซึ่งการตรวจซ้ำจะทำให้ได้ประโยชน์ เพราะจะทำให้เรารู้ความชัดเจน และกำหนดเวลา สถานที่ ความเร็ว คลื่นของเรือ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ด้านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีความกังวลว่า กลุ่มเพื่อนแตงโมที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ทในวันเกิดเหตุ รู้จักกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้นจะมีผลต่อคดีหรือไม่ว่า เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ไม่ต้องห่วงหรอก ตำรวจจะต้องทำให้ความจริงปรากฎ และเป็นเรื่องของนิติวิทยาศาสตร์ที่ต้องไปตรวจสอบให้ละเอียด ซึ่งต้องให้เวลาในการทำงานตามความเป็นจริงตามที่หลักฐานปรากฎ ไม่มีใครทำอะไรได้
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เช่นกัน โดยระบุว่า การที่จะส่งคดีของแตงโม เพื่อพิจารณาเป็นคดีพิเศษนั้น โดยทั่วไปยังไม่น่าจะเข้าหลักเกณฑ์ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่ระบุไว้ว่า เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจ และเกรงว่าจะมีความซับซ้อน ก็อาจจะสามารถส่งเรื่องเข้าไปคณะกรรมเพื่อสั่งให้เป็นคดีพิเศษได้ แต่โดยรูปการณ์ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก
นายวิษณุ บอกอีกว่า ส่วนตัวมองว่า ขั้นตอนการสืบสวนธรรมดาก็น่าจะพิจารณาได้ โดยใช้หลักการใช้ประจักษ์พยาน รวมถึงพยานนิติวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อมในทางคดี ซึ่งแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอต่อการสืบสวนของตำรวจ ซึ่งตนเชื่อว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะก็จะสามารถคลี่คลายคดีได้
ล่าสุดมีรายงานจากพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ดารานักแสดงสาว หลังจากเชิญตัว กระติก ปอ จ๊อบ และ แซน มาให้การแล้ว เบื้องต้นมีรายงานว่า คำให้การของพยานและบุคคลในเรือทั้ง 5 คน เริ่มไม่ตรงกัน โดยมีหนึ่งในพยาน ให้การว่า การขับเรือมีลักษณะกระชาก จึงทำให้แตงโมตกเรือไป และพยานอีกหนึ่งคนคือ นายจ๊อบ เป็นพยานที่ให้การไม่ตรงกับคนอื่น ๆ ส่วนนายไพบูลย์ หรือ โรเบิร์ต ไม่ได้ร่วมลงเรือนำลองเหตุการณ์ เนื่องจากแจ้งป่วยความดันขึ้นสูง
ก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่า 1 ใน 5 คน ที่อยู่บนเรือลำเดียวกันกับแตงโม ได้เล่าความจริงให้กับตำรวจฟังว่า "ในขณะเกิดเหตุ มีคนบนเรือกำลังฝึกหัดขับเรือกัน มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้แตงโมตกใจ จนพลัดตกน้ำเสียชีวิต /โดยเรื่องนี้ทาง ผบช.ภ.1 ปฏิเสธว่า ยังไม่มีใครกลับคำให้การ ไม่มีเรื่องหัดขับเรือ
ด้าน พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายกฯ อบจ.ปทุมธานี ให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ว่า การที่อ้างว่าคุณแตงโมไปฉี่เนี่ยผมว่าฟังไม่ขึ้น ขนาดเราเป็นผู้ชายยังทำไม่ได้เลย พอเกิดเหตุขึ้นมา คุณทำก็เป็นหานิดเดียว แล้วก็ไปตั้งหลักเตรียมการ สร้างสตอรี่กัน ผมเชื่อว่าตำรวจเขารู้หมดแล้วว่าคุณทำอะไรกันบ้าง เตรียมให้การยังไง พวกคุณกลัวอะไร ไม่ห่วงคนที่เขาตกลงไปหรอ
สำหรับเรื่องการปัสสาวะท้ายเรือเนี่ย คุณแตงโมเขาเป็นคนมีชื่อเสียง เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ถ้าจะฉี่ให้คนบนเรือจอดบริเวณท่าน้ำก็ได้ ท่าน้ำวัดก็มีเยอะแยะ ร้านอาหารก็มี ซึ่งการบอกว่าปัสสาวะท้ายเรือมันผิดวิสัย
ด้าน จุดตกที่ผมคิดว่ามันไม่ใช่น้ำลึก ด้วยความที่ลักษณะของแม่น้ำเจ้าพระยาจะค่อยสโลปลงไปเรื่อยๆ และไปลึกตรงกลาง ซึ่งถ้าหากมีทรายปนเข้าไปในปอดเนี่ย แสดงว่าไม่ลึกแน่นอน พอตกลงไปไม่นาน 1-5 วินาที เนี่ยต้องถึงพื้นแล้ว และสูดเข้าไป ทีนี้ต้องรอดูว่าปริมาณทรายในปอดมากน้อยแค่ไหน ผมคิดว่าปริมาณทรายในกระแสน้ำ มันไม่เยอะแน่นอน
ทั้งนี้ อยากฝากรุ่นน้องที่ทำคดี ว่าคดีเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ผู้เสียชีวิตก็เป็นคนมีชื่อเสียง อีกอย่างผมรับไม่ได้เหมือนเป็นการไปซ้ำเติม ไปใส่ร้ายคนตาย ว่าคนละดับเขาถึงกับต้องไปนั่งฉี่ท้ายเรือลำเล็ก แถมมีผู้ชายอีก 3 คนที่ไม่ได้สนิทกันมาก่อน จึงอยากฝากน้องๆให้ตอบคำถามประชาชนให้ชัดเจน