ผู้เสียหาย 16 รายร้องตำรวจ หลังโดนเพื่อน ใช้ความสนิท ไว้ใจหลอกลงทุนชุดตรวจ ATK โดยจะแบ่งผลกำไร 20-30% มูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 24 ก.พ. 2565 เวลา 09.30 น. ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 16 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ฐิตนนท์ วิชัยกุลจิรทัพ ผกก.(สอบสวน) บก.สอท.5 เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.พลอยชนก (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี พนักงานบริษัทจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ ย่านดอนเมือง หลอกให้ร่วมลงทุนชุดตรวจโควิด ATK มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท พร้อมนำหลักฐานการแชท และสลิปการโอนเงิน มามอบให้เป็นหลักฐาน
น.ส.นิว (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 41 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายทุกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผู้เสียหายทุกคนเป็นเพื่อนกับตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งทำงานที่บริษัทขายอุปกรณ์การแพทย์แห่งหนึ่ง ที่อยู่ย่านดอนเมือง
จากนั้นตัวผู้ก่อเหตุเองชักชวนให้ร่วมลงทุนในการขายชุดตรวจ ATK ที่บริษัทตนเองขายอยู่ ทุกคนที่ถูกหลอกเห็นว่าผู้ก่อเหตุทำงานที่บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์จริง ประกอบกับความไว้ใจเพื่อน จึงตัดสินใจที่จะร่วมลงทุน โดยแต่ละคนจะลงทุนทุกครั้งไม่เท่ากัน
รวมถึงยอดที่ลงทุนก็จะไม่เท่ากัน เริ่มตั้งแต่ 600,000 ถึง 2,500,000 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนสั่งชุดตรวจมาขายให้ลูกค้าที่ผู้ก่อเหตุมีฐานอยู่แล้ว โดยตนไม่ได้เอาออกมาขายเอง ที่ผ่านมาการลงทุนแต่ละครั้ง จะเป็นการลงทุนผ่านผู้ก่อเหตุเท่านั้น โดยจะถ่ายภาพสินค้าที่จะลงทุนส่งมาให้ดู ประกอบกับผู้เสียหายบางคนเคยไปที่บริษัทและได้เห็นสินค้าจริงตามที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง ในส่วนของตนเองนั้น สูญเงินไปกว่า 235,000 บาท
ด้าน นายปิง (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 36 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุชักชวนตนให้ร่วมลงทุนชุดตรวจ ATK ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. โดยเป็นการลงทุน แบ่งผลกำไรกลับมา 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในวันถัดไป การลงทุนของผู้เสียทุกคนจะเป็นการโอนเงินไปยังบัญชีของผู้ก่อเหตุโดยตรง และครั้งสุดท้ายได้ลงทุนไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ.
ซึ่งผู้ก่อเหตุระบุว่าจะคืนเงินทั้งหมดรวมผลกำไรที่ได้ ในวันที่ 16 ก.พ. กระทั่งวันที่ 17 ก.พ. ก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้ก่อเหตุได้ ที่ผ่านมาซึ่งตนเคยได้ตัวอย่างสินค้าจากผู้ก่อเหตุมาทดลองใช้ รวมถึงเคยไปที่บริษัทที่ผู้ก่อเหตุทำงานอยู่เพื่อซื้อสินค้ามาใช้เอง ตนจึงหลงเชื่อ
ด้าน พ.ต.อ.ฐิตนนท์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องไว้พิจารณา และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุ รวมถึงประสานไปยังพนักงานสอบสวนของแต่ละท้องที่ ที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ โดยเบื้องต้นการก่อเหตุดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง