วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ หลังมีเพจเฟซบุ๊กชื่อดังแชร์คลิปวิดีโอโชเฟอร์แท็กซี่ อารมณ์ฉุนเฉียว-เกี้ยวกราด ใส่ผู้โดยสารสาวที่นั่งมาในรถ เพราะผู้โดยสารจ่ายเงินค่าโดยสารโดยใช้ธนบัตรใบละ 500 บาท แต่เงินทอนไม่พอ จึงปาเงินทอนใส่ผู้โดยสาร
ดุเดือดมาก นี่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่โดยเพจเฟซบุ๊กชื่อ "อีซ้อขยี้ข่าว" พร้อมข้อความระบุว่า "แค่เงินทอนไม่พอหรือหาทอนไม่ได้ ไม่เห็นต้องหัวร้อนขึ้นเสียงตะคอกใส่ผู้โดยสารเลย แล้วยังปาเงินใส่เขาอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดเช่นนี้ หรือเห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวเลยกล้าทำ"
หลังคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงพฤติกรรมของโชเฟอร์แท็กซี่ที่ออกอาการหัวร้อน โมโหร้ายใส่ผู้โดยสารเป็นอย่างมาก ทั้งบอกว่า เจอแบบนี้บอกได้คำเดียวว่าแย่ บริการดี ๆ หน่อย ทุกวันนี้หาลูกค้าก็ยากแล้ว เลิกขับเถอะ แท็กซี่งานบริการ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยังผู้โดยสารที่อยู่ในคลิปวิดีโอ (ผู้ถ่ายคลิป) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทราบว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอได้โดยสารแท็กซี่จากย่านมีนบุรี เพื่อไปโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 500 บาท (แบงก์ 500) เมื่อไปถึงโรงพยาบาลราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 75 บาท เธอจึงยื่นธนบัตรใบละ 500 บาท ให้กับคนขับแท็กซี่ ซึ่งโชเฟอร์แท็กซี่ก็พยายามหาเงินทอน แต่เหมือนจะมีไม่พอ เธอจึงจะโอนเงินให้ แต่ตอนนั้นไม่สามารถเข้าแอปพลิเคชันธนาคารได้ จึงทำให้โชเฟอร์แท็กซี่เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราดใส่ จนเริ่มมีปากเสียงกัน เธอทำอะไรไม่ถูกจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน และเริ่มมีปากเสียงรุนแรงขึ้น จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็ปาเงินทอนใส่ และบอกให้ลงจากรถ เธอพยายามที่จะถ่ายทะเบียนรถไว้เป็นหลักฐาน หวังนำไปแจ้งกับกรมการขนส่งทางบก หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นโชเฟอร์แท็กซี่ก็ปัดโทรศัพท์ของเธอกระเด็นตกพื้น
หลังเกิดเหตุ ผู้โดยสารคนดังกล่าวได้เข้าแจ้งความที่ สน.มีนบุรี แต่ตำรวจแนะนำให้ไปแจ้งกับ สน.พื้นที่เกิดเหตุ และแจ้งกรมการขนส่งทางบก จากนั้นเธอจึงพยายามโทรศัพท์ไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อร้องเรียนถึงพฤติกรรมของโชเฟอร์แท็กซี่ แต่การติดต่อค่อนข้างลำบาก เพราะต้องรอสายโทรศัพท์นาน เธอจึงตัดสินใจไม่ร้องเรียน และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นเวรกรรมที่ทำร่วมกันมา
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ต้องรอฟังคำชี้แจงของทางฝั่งโซเฟอร์แท็กซี่ด้วย ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
+ อ่านเพิ่มเติม