logo ถกไม่เถียง

ตร.จับสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้าได้เงินแค่ 500 กอดแม่ร่ำไห้ ก่อนถูกส่งตัวเข้าห้องขังชดใช้กรรม #ถกข่าวร้อน

ถกไม่เถียง : สาววัย 24 ปี กอดแม่ร่ำไห้ กลายเป็นต้องหมดอนาคตทันที หลังถูกโทษจำคุกกรณีไปรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เงินค่าจ้างมาเพียง 5 ถกข่าวร้อน,ถกไม่เถียง,ทิน โชคกมลกิจ,บัญชีม้า,รับจ้างเปิดบัญชี,ชดใช้กรรม,ร้องไห้,กอดแม่,ติดคุก,มิจฉาชีพ

1,595 ครั้ง
|
21 ก.พ. 2565

             สาววัย 24 ปี กอดแม่ร่ำไห้ กลายเป็นต้องหมดอนาคตทันที หลังถูกโทษจำคุกกรณีไปรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เงินค่าจ้างมาเพียง 500 บาท แต่กลับต้องแลกด้วยอนาคตทั้งชีวิต

            นี่คือคลิปเหตุการณ์ ขณะลูกสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดลาแม่ในรถ เพื่อไปรับโทษในคุก จากคดีรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ขณะที่แม่ได้แต่พูดปลอบใจว่า “ไปชดใช้กรรมที่เราก่อนะลูก” โดยคลิปนี้ ทนายเก่ง นฤบดินทรา ศรีศิวารา ได้นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนภัย พร้อมระบุข้อความว่า ลูกสาวรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซนเตอร์ โดยได้ค่าจ้างเพียง 500 บาท แต่ต้องติดคุกหลายปี หากคนในบ้านของท่านเคยรับจ้างเปิดบัญชีให้รีบแจ้งธนาคารเพื่อปิดเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น จะติดคุกเหมือนหญิงสาวรายนี้

           โดยคลิปสั่งลาแม่ลูกคู่นี้เป็นผลสืบเนื่องจากคดี นางสาวอนงค์นุช นามวงษา ภรรยาผู้ก่อตั้งวงดนตรีหมอลำคณะสาวน้อยเพชรบ้านแพง เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.โกสุมพิสัย ว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงิน รวมเป็นเงิน 2,088,001 บาท เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 สามารถจับกุม น.ส.ศุภาวรรณ หงษา อายุ 24 ปี และส่งมาให้พนักงานสอบสวน สภ.โกสุมพิสัย ดำเนินคดีในฉ้อโกงประชาชน

            จากการสอบสวน น.ส.ศุภาวรรณ รับสารภาพว่า ถูกจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร ได้ค่าจ้างเป็นเงิน 500 บาท ช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ส่วนยอดเงินที่ถูกโอนเข้าไปในบัญชี ถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นหมดแล้ว ผู้ว่าจ้าง คือ น.ส.ฉัตรวรุณ (สงวนนามสกุล) พามาเปิดบัญชีที่โลตัส สาขาวังหิน และได้นำสมุดบัญชี และบัตรเอทีเอ็มไปหมดแล้ว โดยไม่คิดว่า น.ส.ฉัตรวรุณ จะนำไปฉ้อโกงผู้อื่น

            ขณะที่ กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า การรับจ้างเปิดบัญชี หรือ การหลอกให้ผู้อื่นโอนเงินให้เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ถือเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 60 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือ ปรับ ตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

           ทั้งนี้ อาชญากรรมทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มีแฝงเข้ามาหลากหลายรูปแบบ และกลุ่มมิจฉาชีพยังก่อเหตุต่อเนื่อง ทำให้ตำรวจต้องเร่งปราบปรามอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้อย่างเร่งด่วน ล่าสุด สามารถจับกุมตัวหญิงสาวรายหนึ่งคาบ้านพักในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นนายหน้ารับซื้อขายและหาคนเปิดบัญชีออนไลน์

            พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำหมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ 224/2564ลง 30 ธ.ค.2564 เข้าจับกุม น.ส.เมย์ษาพร วรรณสิทธิ์ อายุ 29 ปี ข้อหา “ฉ้อโกง” โดยจับกุมได้ที่ บ้านพักอาศัยใน จ.กาฬสินธุ์

            การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.เมย์ษาพร วรรณสิทธิ์ ได้ขายบัญชีธนาคารของตนเองไปให้กลุ่มมิจฉาชีพได้นำไปหลอกขายสินค้าทางโลกออนไลน์ จนถูกผู้เสียหายแจ้งความข้อหาฉ้อโกง ซึ่งทางตำรวจชุดสืบสวนสืบทราบมาว่า น.ส.เมย์ษาพร เป็นนายหน้าในการซื้อ-ขายบัญชีธนาคารให้แก่บุคคลอื่นจำนวนมาก

            ด้าน น.ส.เมย์ษาพร รับสารภาพว่า หลังจากได้ขายบัญชีของตนเองให้กับมิจฉาชีพเอาไปหลอกขายสินค้าจนถูกขึ้นแบล๊คลิสต์ในโลกออนไลน์แล้ว จึงทำให้บัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของตนเองไม่สามารถขายได้อีกต่อไป เพราะไม่มีใครรับซื้อ จึงได้ผันตัวเป็นนายหน้าจัดหาบัญชีให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอีกทอดหนึ่ง

            สำหรับ รูปแบบขบวนการรับจ้างเปิดบัญชีออนไลน์นั้น น.ส.เมย์ษาพร สารภาพแบบหมดเปลือกว่า จะใช้วิธีรับซื้อจากผู้ที่ต้องการขายในราคา 400-500 บาท ก่อนจะนำไปขายต่อในราคา 1,000 – 3,000 บาท ซึ่งธนาคารที่มีแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย จะมีราคาแพงที่สุดเพราะใช้งานสะดวกและน่าเชื่อถือ หากเจ้าของบัญชีไม่มีประวัติเคยถูกแจ้งความในคดีฉ้อโกง ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นตามลำดับ

           โดยพฤติกรรมจะเริ่มหาจากบัญชีคนใกล้ตัว และประกาศรับซื้อในกลุ่มซื้อ-ขายบัญชี ซึ่งมีอย่างเปิดเผยในเฟซบุ๊ก ประกอบกับตอนนี้หลายๆธนาคาร มีการเปิดบัญชีแบบออนไลน์ได้ ทำให้การรับซื้อ-ขายบัญชีสะดวกขึ้นอย่างมาก ซึ่งผู้ขายไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเปิดบัญชีที่ธนาคารด้วยตนเอง แค่ส่งรูปบัตรประชาชนให้กลุ่มมิจฉาชีพนำไปสมัครผ่านแอปพลิเคชั่น ธนาคารเท่านั้น

            จากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพจะส่งคิวอาร์โค้ดให้ผู้ขายไปยืนยันตัวตนที่ร้านสะดวกซื้อ หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จจะมีรหัสโอทีพี ส่งไปให้ที่เบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีธนาคาร ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพได้เตรียมไว้แล้ว เมื่อกลุ่มมิจฉาชีพได้แจ้งรหัสโอทีพีให้ผู้ขายกรอกในระบบที่ร้านสะดวกซื้อก็เป็นอันเสร็จสิ้น ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพจะได้ใช้บัญชีนี้ผ่านแอปฯธนาคาร ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเอทีเอ็ม หรือ สมุดบัญชี โดยขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที

            ด้าน พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า นโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามคนร้ายที่เป็นภัยออนไลน์และยังก่อเหตุต่อเนื่อง จึงฝากเตือนไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มนายหน้าหาประโยชน์ ยินยอมไปเปิดบัญชีเพื่อให้ผู้อื่นนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย และตัวเองก็จะมีความผิดถูกดำเนินคดีไปด้วย

 

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/8aFPRYWbvoo