ผอ.แจงดรามา ครูสาวทำโทษเข้าข่ายคุกคามทางเพศ สั่ง นร.ชาย จ้องหน้าอก นร.หญิง ที่ไม่สวมเสื้อซับใน
logo ข่าวอัพเดท

ผอ.แจงดรามา ครูสาวทำโทษเข้าข่ายคุกคามทางเพศ สั่ง นร.ชาย จ้องหน้าอก นร.หญิง ที่ไม่สวมเสื้อซับใน

ข่าวอัพเดท : ผอ.โรงเรียน จ.อุทัยธานี แจงดรามา หลังครูสาวสั่ง นร.ชาย ยืนจ้องหน้าอก นร.หญิง ที่ไม่สวมเสื้อซับใน ยันไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งกรรมการสอบคร ผอ,อุทัยธานี,ครู,ลงโทษ,นักเรียนหญิง,เสื้อซับใน,จ้องหน้าอก,คุกคามทางเพศ

979 ครั้ง
|
10 ก.พ. 2565
        ผอ.โรงเรียน จ.อุทัยธานี แจงดรามา หลังครูสาวสั่ง นร.ชาย ยืนจ้องหน้าอก นร.หญิง ที่ไม่สวมเสื้อซับใน ยันไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งกรรมการสอบครูคนดังกล่าวแล้ว
 
         จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่ง ออกมาแฉพฤติกรรมของครูประจำชั้นโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยติดแฮชแท็ก #โรงเรียนประจำจังหวัดสีเหลือง-แดง พร้อมระบุข้อความทำนองว่า "โรงเรียนแห่งนี้ ได้ทำโทษนักเรียนหญิงที่ไม่สวมเสื้อซับในมาโรงเรียน ด้วยการให้นักเรียนชายมายืนมองหน้าอกของนักเรียนหญิง และที่น่าตกใจ คือ ครูที่ใช้วิธีการดังกล่าวทำโทษนักเรียน เป็นครูผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าวิธีการดังกล่าวนี้จัดว่าเข้าข่ายการคุกคามทางเพศ" นอกจากนี้ ผู้โพสต์ยังตีแผ่ประเด็นปัญหาการคุกคามนักเรียนหญิงอื่น ๆ ทั้งเรื่องที่ครูผู้ชายส่งข้อความคุกคามทางเพศใส่นักเรียนหญิง รวมถึงเรื่องที่มีรุ่นพี่แอบถ่ายคนเข้าห้องน้ำหญิงอีกด้วย
 
         ต่อมาได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนที่ผู้โพสต์รายแรกเอ่ยถึง โดยออกมาตั้งคำถามและแสดงทัศนะว่า ฝากแชร์โพสต์หน่อยค่ะ ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องที่โรงเรียนแล้ว ตั้งแต่เคสรอบนั้น แต่เรื่องนี้มันไม่ไหวจริง ๆ ขอสักทีเถอะ เขารณรงค์ sexual harassment กันแทบตาย แต่ครูกลายเป็นบ่อเกิดของปัญหานี้ในโรงเรียนเอง ประเด็นที่ 1 นักเรียนหญิงไม่สวมเสื้อซับมา ความผิดคืออะไร? แต่งกายผิดระเบียบ? เอาสิทธิข้อไหนมาลงโทษ รวมทั้งการลงโทษโดยการให้นักเรียนชายมาจ้องหน้าอกของนักเรียนหญิง ถือเป็นวิธีการลงโทษที่ดีและเหมาะสมแล้วแน่ใช่ไหม? การกระทำแบบนี้ของครูผิดจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการไหม เพราะมันทำให้นักเรียนอับอายมาก และอีกประเด็น ครูขอโทษแล้ว ขอโทษแล้วยังไงต่อ แล้วนักเรียนที่อับอายไปแล้ว การที่โดนมองหน้าอกไปแล้ว และโดนนินทาไปแล้ว ความรู้สึกของเด็ก ครูจะเอาคืนมายังไง จะชดใช้ยังไง มันจะกลายเป็นแผลในใจของเด็กไปตลอด แล้วก็อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบนะคะ เรื่องแบบนี้ควรได้รับการแก้ไขค่ะ
 
         ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามจนทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับนักเรียนหญิงอายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2/5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง อยู่เขตอำเภอเมืองอุทัยธานี ซึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความไม่สบายใจ และสร้างความอับอายให้กับนักเรียนหญิงอายุ 14 ปี คนนี้เป็นอย่างมาก จนไม่กล้าไปเรียนหนังสือ โดยผู้เป็นแม่ของนร.หญิงคนดังกล่าว ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เหตุเกิดขณะลูกสาวไปเรียนตามปกติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทั่งตอนเย็นเลิกเรียนกลับมาบ้านด้วยสีหน้าเศร้า พร้อมกับเอ่ยปากเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวถูกครูผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นครูที่ปรึกษาประจำชั้น ม.2/5 ทำโทษ โดยให้เพื่อนนักเรียนชายยืนจ้องมองหน้าอกลูกสาว สาเหตุเพียงเพราะลูกสาวไม่สวมเสื้อซับในไปโรงเรียน โดยแม่เด็กหญิงชี้แจงว่า ปกติลูกสาวจะสวมเสื้อซับในตลอด แต่วันนั้นลูกพยายามค้นหาเสื้อซับในทั่วบ้านแล้ว แต่หาไม่พบ จึงต้องรีบออกจากบ้านเพราะกลัวเข้าโรงเรียนไม่ทัน นาทีนั้นที่ได้ยินลูกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าโมโห และรับไม่ได้กับการกระทำของครู ทำเกินกว่าเหตุไปไหม อีกทั้งเป็นผู้หญิงด้วยกันไม่น่าจะเลือกใช้วิธีการทำโทษนี้เลย เพราะทำร้ายจิตใจลูกสาวอย่างมาก ตอนนี้อับอายเพื่อนจนไม่กล้าไปเรียน
 
       ขณะเดียวกันได้ถามกลับครูที่ก่อเหตุด้วยว่า ถ้าเป็นลูกสาวของครูที่เป็นฝ่ายถูกทำแบบนี้ จะรู้สึกอย่างไร ทั้งนี้ไม่อยากจะแจ้งความเอาผิด แต่ต้องการให้ครูรายนี้ปรับใช้วิธีทำโทษนักเรียนทุกคนอย่างเหมาะสม และไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพ และไม่เข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศของลูกสาวที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน
 
           ด้าน นายประเสริฐ สุวรรณชัยเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ออกมาชี้แจงว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เรียกครูต้นเรื่องมาตักเตือน พร้อมชี้แนะให้ปรับวิธีการทำโทษกับเด็กนักเรียนทุกคนในความรับผิดชอบแล้ว และหลังจากนี้จะนำเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าที่ประชุมปรึกษาหารือ เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยลักษณะนี้ขึ้นอีก
 
            นอกจากนี้ เมื่อวานทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน และครู ต้นเรื่อง ได้เดินทางไปที่บ้านนักเรียนหญิงอายุ 14 ปี เพื่อขอโทษนักเรียน พร้อมกับพูดคุยชี้แจง ทำความเข้าใจกับทางผู้ปกครองแล้วด้วย ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองไปปรับใช้ และหลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นลำดับต่อไป ซึ่งถ้าผลข้อเท็จจริงออกมาในรูปแบบใด ก็จะดำเนินการตามกฎระเบียบของข้าราชการครูกับครูต้นเรื่องโดยไม่ละเว้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง