ป้าวัย 57 สุดช้ำ ซื้อที่ดินปลูกบ้านจากญาติ จ่ายเงิน แต่ไม่ได้ทำสัญญา สุดท้ายโดนรื้อ เหลือแต่เสา อีกฝ่ายโบ้ย ไม่เคยมีการซื้อขายกันมาก่อน
อุทัย สิงห์สาธร ได้เปิดเผยความรู้สึกรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองผ่านรายการ“ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่บ้านของตนถูกรื้อเหลือแต่เพียงเสา ว่าตนเองรู้สึกเศร้า เพราะ บ้านหลังนี้ตนสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง กว่าจะกลายเป็นบ้านที่ตนได้อยู่อาศัย ถึงแม้จะไม่หรูหรา และตนไม่เคยคิดว่าคนที่เป็นลุงกับป้าแท้ ๆ จะทำแบบนี้กับตนเองได้ลงคอ
อุทัย สิงห์สาธร ผู้เสียหายถูกรื้อบ้าน เปิดเผยรายละเอียดว่า เมื่อปี พ.ศ. 2544 พื้นที่บ้านของตนนั้นอดีตเคยเป็นป่าและพื้นที่ของคุณลุงตนเองมาก่อน โดยตนได้ที่ดินผืนนั้น (พื้นที่ประมาณ 2 งาน กับ 17 ตารางวา) มาจากการแลกกับเงิน จำนวน 20,000 โดยไม่มีการทำสัญญาใด ๆ ที่เป็นรูปธรรมระหว่างกันทั้งสิ้น เป็นแค่การพูดตกลงกันเพียงปากเปล่าเท่านั้น หลังจากนั้นตนก็ได้ก็เข้ามาไถที่และดำเนินการปลูกบ้านเรื่อย ๆ ด้วยเงินของตนเองทั้งหมด โดยปี พ.ศ.2555 บ้านของตนได้ดำเนินการใกล้เสร็จทั้งหมด กระทั่งปี พ.ศ.2556 สามีของตนตาย ก็กลับไปบ้านดังกล่าวบ้างเป็นบางครั้ง เพราะตนไปอาศัยอยู่กับพี่สาวของตนแทน
อุทัย สิงห์สาธร ระบุว่า ก่อนที่บ้านของตนจะถูกรื้อนั้น ตนไม่ทราบมาก่อน และรู้เมื่อวันที่ตนนั้นกลับมาบ้าน หลังจากที่บ้านถูกรื้อ ตนจึงถามไปยังลุงและป้าว่าทำไมถึงไม่บอกตนเองก่อน ซึ่งลุงและป้านั้นไม่พูดอะไรกับตนเลย แต่ลุงกับป้าของตนนั้นยอมรับกังทางตำรวจว่า ตนเป็นผู้รื้อจริง และอ้างเหตุผลว่าปลวกกิน
“…ตอนมางานศพแม่เมื่อกลางปีที่แล้วบ้านก็ยังอยู่ ทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านก่อนหน้านั้นหลายเดือน เขาพูดว่าเดี๋ยวมีปลวกมากินของนะ เอาของออกไปเลย ให้เหลือไว้แต่บ้าน เขาบอกกับตำรวจว่าปลวกกิน เลยรื้อบ้าน…” อุทัย สิงห์สาธร กล่าว
อุทัย สิงห์สาธร กล่าวว่า ตนเสียเงินทั้งหมดกับบ้านหลังนี้ จำนวนรวมประมาณ 300,000 บาท และตนอยากได้ที่อยู่คืน เพราะตอนนี้ตนต้องอาศัยอยู่กับพี่สาว และให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ลุงและป้าของตนได้ทำการรื้อบ้านนั้น สาเหตุอาจมาจากลุงและป้าของตนต้องการที่ดินคืน และโกรธตนที่มักถามลุงกับป้าบ่อย ๆ ว่า ‘เมื่อไหร่จะโอนที่ให้’ จนลุงและป้านั้นตอบกลับตนว่า “กลัวไม่ได้ที่เหรอ?..”
อุทัย สิงห์สาธร เผยว่าชาวบ้านรวมถึงคนในระแวกดังกล่าวทราบชัด ว่าบ้าน/พื้นที่นั้นเป็นของตน พร้อมทิ้งท้ายว่า หากตนไกล่เกลี่ยได้ ตนก็จะยอมจบกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยตนนั้นอยากได้เพียงที่อยู่ใหม่ และอยากได้เงินเต็มจำนวนที่ตนเคยเสียไป
“…รู้สึกเสียใจ เพราะจะไปสู้กับใครก็ได้ ซื้อดินก็ไม่ได้ ซื้อไม้มาปลูกก็ไม่พอ ตำรวจก็ยังมาพูดมาว่า 30,000 ก็ดีแล้ว ให้มาแค่นี้ก็เอาไปเถอะ แล้วเราจะไปพึ่งใครคะ เพราะพึ่งใครก็ไม่ได้ ขอแค่ดินกับบ้านก็พอ ให้มีที่อยู่ที่นอนก็พอ...” อุทัย สิงห์สาธร กล่าว
พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ ส่องโสม สารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองหาน ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้นได้รับแจ้ง รวมถึงเรียกคู่กรณีที่ถูกกล่าวหามาคุยเบื้องต้นแล้ว และคู่กรณียินยอมที่จชดใช้ และทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการออกหมายเรียกให้คู่กรณีเข้ามาไกล่เกลี่ยเจรจากันในวันที่4 กุมภาพันธ์นี้ หากไม่มีการเจรจาก็จะแจ้งข้อหาต่าง ๆ ภายในวันนั้น เช่น ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ฯลฯ
ด้าน ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าสามารถแจ้งข้อหาร่วมกันบุกรุก,ร่วมกันลักทรัพย์ และต้องแจ้งข้อหาในทุกฐานของการกระทำความผิด และหากใครประสบปัญหาเหล่านี้ควรไปแจ้งกับศาลยุติธรรมจังหวัด เพื่อจัดการดำเนินการต่าง ๆต่อไป..
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com