เหตุเพราะไว้ใจ ป้าวัย 57 เข่าแทบทรุด ซื้อที่ดินปากเปล่าจากญาติ ทำงานส่งเงินเป็นแสนให้สร้างบ้าน สุดท้ายโดนรื้อเกลี้ยงเหลือแต่เสาปูน อีกฝ่ายอ้าง ที่ดินตรงนี้ไม่เคยขาย สัญญาก็ไม่มี
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 นางอุทัย สิงห์สาธร ผู้เสียหายถูกรื้อบ้าน เปิดใจผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนเองซื้อที่ดินที่จังหวัดอุดรธานีมาจากลุงกับป้า ตอนแรกเขาจะไปเมืองนอก เขาไม่มีเงินเลยมายืมจากเรา และบอกว่าไม่มีเงินคืนเลยให้เป็นที่ดินมาแทน ตกลงกันได้ที่ 2 หมื่นบาท ตนจึงขายที่ของตนเองที่สกลนคร เพื่อนำเงินมาให้เขาแลกกับที่ดินขนาดประมาณ 2 งาน 17 ตารางวา แต่ไม่มีการทำสัญญาซื้อขายกันแต่อย่างใด หลังจากนั้นตนจึงเริ่มปลูกบ้านมาตั้งแต่ปี 2544 ทำมาเรื่อยๆ จนปี 2555 ทำเกือบจะเสร็จแล้ว สามีดันมาเสียตอนปี 2556 ตนจึงไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้ต่อ ได้แต่ส่งเงินให้พี่เขยสร้างบ้านต่อให้เพราะเขาเป็นช่าง หมดเงินไปโดยประมาณเกือบ 3 แสนบาท ทั้งถมที่ ล้อมรั้ว และสร้างบ้านเป็นหลัง โดยเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ตนเองได้เดินทางกลับมาบ้านกะจะมาเที่ยวตรุษจีนด้วย กลับพบว่าบ้านถูกรื้อเหลือแต่เสา โดยทางลุงกับป้าอ้างว่า บ้านโดนปลวกกินเลยต้องรื้อ
ป้าอุทัย กล่าวเพิ่มว่า เมื่อเดือน พฤษภาคม 2564 ตนมางานศพย่าที่นี่ บ้านก็ยังอยู่ดี ตนจึงได้ถามทางคู่กรณีว่าทำไมถึงรื้อบ้าน เขาก็ได้แต่บอกว่าปลวกมันกินกลัวบ้านมันพังลงมาเป็นอันตรายกับเด็กแถวนั้น ตนจึงถามต่อว่าทำไมไม่โทรมาบอกกันบ้าง เขาก็เงียบ แต่เขายอมรับกับตำรวจว่าเขาเป็นคนรื้อจริง ตนไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะไปร้องเรียนใครแล้ว หลักฐานการโอนเงินก็ไม่ได้เก็บไว้ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เชื่อใจลุงกับป้ามาก เหมือนเป็นพ่อกับแม่ ที่ดินตรงนี้เรามีทะเบียนบ้าน ชื่อเราก็อยู่ในทะเบียนบ้าน เคยถามเขาว่าเมื่อไหร่จะโอนที่ให้ ขาก็บอกว่าพวกมึงกลัวไม่ได้เหรอ เราบอกไม่ได้กลัวแต่มาอยู่นานแล้ว เราก็อยากได้ที่ที่เราซื้อเพื่อไปเข้า ธกส. บ้าง หลังจากนั้นไปคุยกับเขา เขาบอกว่าจะคืนเงินให้ เขาอ้างว่าที่ดินที่ให้ เขาไม่ขาย เขาจะคืนเงินที่ยืมไป 2.2 หมื่นบาท กับค่าที่ดิน 2 หมื่นบาท รวมเป็น 4.2 หมื่นบาท ตอนไปพูดที่โรงพัก เขาบอกว่าบ้านแค่นี้จะไปเรียกร้องอะไรตั้ง 2 แสน ให้ 3 หมื่นก็ดีแล้ว กำขี้ดีกว่ากำตด ตร.ก็บอกว่าก็ดีแล้ว บ้านมันผุมันพัง 3 หมื่นก็ยังดี ตนอยากได้บ้าน ที่ดิน ที่อยู่คืน ตอนนี้อาศัยอยู่กับพี่สาว พี่สาวให้เราไปพักกับเขาก่อน รอดูสถานการณ์ว่าจะชดใช้อะไรให้เราบ้าง ใจจริงก็อยากได้เงินคืนเต็ม 2 แสนตามราคาบ้านที่เราสร้างไปแล้วเขารื้อออก อยากได้ที่ใหม่ เพราะตรงนี้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เราอยู่ด้วยแล้ว
เคยมีนักข่าวไปถามเขาว่าตาไม่ให้หลานอยู่หรอ ตาบอกว่าไม่ได้หรอก คนของเรามันตายไปแล้ว จากไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีคนของเขาแล้ว ต่างคนต่างไป มันจบกันแล้ว ทำให้ตนเสียใจมาก เราจะไปพึ่งใครก็ไม่ได้ จะไปต่อสู้ก็ไม่ได้ เขาให้ 4-5 หมื่น ใจก็อยากได้ แค่เงินแค่นี้จะไปซื้ออะไรได้ ซื้อดิน ซื้อไม้ ก็ไม่พอหรอก เราไม่คิดว่าเขาจะใจดำขนาดนั้น ขอวอนผู้ใจดีให้ช่วยเมตตาด้วย ตนแค่อยากมีที่อยู่ อยู่กับลูกกับหลาน
ขณะที่ สุดารัตน์ สิงห์สาธร ลูกสาว เผยว่า ตนเป็นคนโอนเงินสร้างบ้านไปให้เขา ส่วนใหญ่ใช้วิธีไปหยอดหน้าตู้แต่ก็ไม่ได้เก็บหลักฐานไว้ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะเขาก็เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก เรานับถือเหมือนพ่อเหมือนแม่เลยเรียกเขาว่าพ่อแม่มาตลอด ตนเองก็อยากได้ที่ใหม่ ที่ตรงนี้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วมันแตกหักกันไปแล้ว เพราะแม่ไปถามเขาว่าจะให้ลูกให้หลานอยู่ไหม เราพึ่งรู้ว่าสุดท้ายยังไงเขาก็ไม่อยากให้เราอยู่
ทางด้าน พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ ส่องโสม สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองหาน ภ.จว.อุดรธานี กล่าวว่า เบื้องต้นก็ได้รับแจ้งเรื่องแล้ว และทำตามกฏหมายเรียกคู่กรณีที่ถูกกล่าวหาว่ารื้อบ้านมาคุยกันแล้ว ทางคู่กรณีก็ยินยอมที่จะชดใช้ จึงออกหมายเรียกมาในวันที่ 4 ก.พ. นี้ เบื้องต้นมีความผิดชัดเจนทำให้เสียทรัพย์ ตรงนี้เป็นความผิดที่ยอมความได้ หากเจรจากันแล้วไม่ลงตัวก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ฟาก ลุงเปี๊ยก คู่กรณีที่รื้อบ้าน ไม่ขอให้สัมภาษณ์ อ้างแค่ให้ยืมพื้นที่ทำกิน สร้างบ้านเท่านั้น ไม่ได้มีการซื้อขายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร และสามีของนางอุทัย ซึ่งเป็นหลาน ก็เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอีกต่อไป
สำหรับเรื่องนี้ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมีการแจ้งข้อหาร่วมกันบุกรุก ร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไป คือยอมความกันไม่ได้ โทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 1-2 แสนบาท ส่วนตัวแนะนำให้แจ้งข้อหาบุกรุก ร่วมกันลักทรัพย์ ที่อ้างว่าปลวกกิน จากภาพมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ปลวกจะกินหมดเหลือแต่เสาขนาดนั้น และยังแนะนำทาง พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ ส่องโสม ให้แจ้งข้อกล่าวหาไปตามความจริงทุกฐานความผิดไม่ต้องไกล่เกลี่ย เพื่อป้องกันตัวตำรวจเองจะถูกร้องเรียน ส่วนเรื่องที่คู่กรณีจะเยียวยาก็ให้เป็นเหตุบรรเทาโทษไป ทางด้านป้าอุทัยไม่ต้องกลัวเลยเพราะครอบครองที่ดินมาตั้งแต่ปี 2544 มีสิ่งปลูกสร้าง และยังแนะให้ป้าไปร้องทางยุติธรรมจังหวัด ให้หาทนายเพื่อไม่ให้ป้าเสียเปรียบทางด้านกฎหมาย เรื่องสัญญาไม่ต้องกังวล ศาลรู้ข้อเท็จจริง รู้พฤติการณ์แห่งคดี
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม