ก.พลังงาน ชี้เหตุราคาน้ำมันพุ่ง เพราะบาทแข็งและปัจจัยภายนอก
logo ข่าวอัพเดท

ก.พลังงาน ชี้เหตุราคาน้ำมันพุ่ง เพราะบาทแข็งและปัจจัยภายนอก

ข่าวอัพเดท : รัฐมนตรีพลังงานยันราคาน้ำมันสูงขึ้น สาเหตุจากบาทแข็งและปัจจัยภายนอก รัฐทำดีที่สุดทั้งตรึงราคาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พลังงาน,น้ำมัน,ราคาน้ำมัน,บาทแข็ง,ปัจจัยภายนอก

555 ครั้ง
|
03 ก.พ. 2565
        รัฐมนตรีพลังงานยันราคาน้ำมันสูงขึ้น สาเหตุจากบาทแข็งและปัจจัยภายนอก รัฐทำดีที่สุดทั้งตรึงราคาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
 
        วันที่ 2 ก.พ.65 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม จนถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ว่า  สาเหตุมาจากค่าเงินบาทแข็งค่า สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในยุโรป ระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่ตรึงเครียด และสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ จึงมีผลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง หากการเมืองระหว่างประเทศในยุโรปคลี่คลายหรือยุติโดยเร็ว และสภาพอากาศอุ่นขึ้น จะทำให้ราคาพลังงานและน้ำมันปรับลดลง ซึ่งไทยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพยายามหาแนวทางในการแก้ปัญหา แต่ราคาน้ำมันต้องเป็นไปตามกลไกของตลาดไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ ส่วนเงินกองทุนน้ำมันยังไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม ยังอยู่ในสถานการณ์ที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้แล้ว
 
       “อยากให้เข้าใจว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้น และหลายๆ ประเทศก็เผชิญเช่นเดียวกัน โดยรัฐบาลเองก็พยายามที่จะทำให้ดีที่สุด และประคับประคองสถานการณ์ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาถาวร ซึ่งหากสาเหตุต่างๆ คลี่คลายก็จะทำให้รัฐบาลบริหารจัดการสถานการณ์ที่เป็นปัญหาได้ดีขึ้น” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ขณะนี้ราคาน้ำมันและราคาสินค้ายังไม่ได้ขยับ เพราะสั่งให้ตรึงราคาไว้แล้วและจะตรึงไว้ให้ดีที่สุด”
 
        ส่วนข่าวการยุบสภาฯ นั้น นายสุพัฒนพงษ์ เห็นว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุน เพราะจากการสำรวจและพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติ ยังให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย และทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปี 2565 นี้ ออกมาเป็นบวกมากขึ้นและดีขึ้นเท่ากับ 7-8 ปีที่แล้ว และขอให้ยอมรับด้วยว่าสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ ยังอยู่ในช่วงวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลจึงได้แต่การประคับประคองสถานการณ์ให้ดีขึ้นต่อไป แต่นักลงทุนยังเห็นโอกาสนั้นอยู่ แต่คนไทยเองกลับมองว่าแก้ปัญหาไม่ทันใจ และยังพึงพาการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง