วันที่ 31 ม.ค.65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการจัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5-11 ขวบ ซึ่งสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือ รพ.เด็กนำร่องฉีดเป็นวันแรก ให้กับเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีโรคประจำตัว จำนวน 150 คน
นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก ล็อตแรก 3 แสนโดส ได้จัดส่งเข้ามายังประเทศไทย และจะทยอยเข้ามาสัปดาห์ละ 3 แสนโดส ต่อเนื่องจนครบจำนวนการสั่งซื้อ 10 ล้านโดส แต่จากการหารือร่วมกับผู้บริหารไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จะเพิ่มจำนวนการจัดส่งในแต่ละสัปดาห์ให้มากกว่า 3 แสนโดส ซึ่งจะทำให้การส่งเร็วขึ้นมาอีก 1 เดือน ขณะเดียวกันขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมการแพทย์ กรมอนามัย เตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กให้เร็วที่สุด
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขอให้ความมั่นใจแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง ว่าวัคซีนที่จัดมาให้ลูกหลานเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยมีมาตรฐาน วิธีการฉีดก็ผ่านคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาจารย์แพทย์ที่มีความรู้ในเรื่องของการฉีดวัคซีน อาการข้างเคียงอาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่อันตราย และหวังว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถครอบคลุมการฉีดวัคซีนให้กับประชากรทุกช่วงวัย เพื่อให้ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติมากที่สุด
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าวัคซีนซิโนแวคได้มายื่นเอกสารเพื่อขึ้นทะเบียนการฉีดให้กับเด็กตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป ซึ่งเด็ก 3 ขวบ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้าน แต่มีโอกาสรับเชื้อจากพ่อแม่ที่ต้องออกไปทำงาน หากสามารถฉีดวัคซีนให้กับเด็กทุกกลุ่มวัยได้ก็จะเท่ากับเป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มาก
ประเทศไทย มีเด็กอายุ 5-11 ปี ประมาณ 5.8 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กกลุ่มเสี่ยงประมาณ 9 แสนคน โดยอยู่ในการดูแลของ รพ.เด็ก ราว 4,000 คน
+ อ่านเพิ่มเติม