โอละพ่อ! 2 หนุ่มสาวกุเรื่องโดนชิงเงิน เกือบ 4 แสนบาท ที่แท้แอบเอาไปใช้หนี้ กลัวญาติรู้
logo ข่าวอัพเดท

โอละพ่อ! 2 หนุ่มสาวกุเรื่องโดนชิงเงิน เกือบ 4 แสนบาท ที่แท้แอบเอาไปใช้หนี้ กลัวญาติรู้

ข่าวอัพเดท : วันที่ 27 ม.ค.65 จากกรณีผู้เสียหายคือ นายอธิภพ อายุ 33 ปี ชาว ต. นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นครูอัตราจ้างของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห กุเรื่อง,โดนชิงเงิน,ใช้หนี้,กลัวญาติรู้,โกหก,แจ้งความ

685 ครั้ง
|
28 ม.ค. 2565
       วันที่ 27 ม.ค.65 จากกรณีผู้เสียหายคือ นายอธิภพ อายุ 33 ปี ชาว ต. นาครัว อ.แม่ทะ  จ.ลำปาง ซึ่งเป็นครูอัตราจ้างของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง ได้โทรศัพท์แจ้ง 191 ว่า ถูกคนร้ายเป็นผู้ชายสองคนขี่รถ จยย.มาชิงทรัพย์ แล้วเชิดเงินกว่า 360,000 หลบหนี เหตุเกิด ถนนลำปาง-แม่ทะ เขตติดต่ออำเภอเมือง-อำเภอแม่ทะ เขตบ้านกล้วยแพะ  ม.2 ต.กล้วยแพะ อ.เมืองลำปาง จ.ลำปางเมื่อเวลา 21.00 น คืนวันที่ 26 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา
 
        ซึ่งผู้เสียหายให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าว มากับแฟนสาวคือ นางสาวณัฐธิดา อายุ 30 ปี ชาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุปรากฏว่ามีคนร้ายผู้ชายสองคนขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ ไม่ทราบทะเบียน 1 คัน รถ จยย.สภาพเก่า 1 คัน ขี่ตามหลัง แล้วประกบข้าง ใช้เท้าถีบจนรถล้มลงข้างทางจากนั้นคนร้ายได้เข้ามาทำร้ายร่างกายซ้ำ ก่อนจะพากันเชิดเงินสดเป็นปึกที่กระเด็นหลุดออกจำนวน 360,000 บาท จากกระเป๋าสะพายผ้าสีขาวที่แฟนสาวสะพายไว้ ก่อนจะรีบขับรถหลบหนี ไป
 
        ความคืบหน้าล่าสุด ทาง พ.ต.ท.วรเชษฐ์ สกิจกัน รองผกก.ป.สภ.เขลางค์นคร ลำปาง รักษาการผกก.ฯ  เผยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและทำการสอบสวนพบว่าเป็นการสร้างเรื่องสถานการณ์ขึ้นมา และพบข้อพิรุธหลายประการ จากการสอบสวน ปรากฏว่าผู้แจ้งเหตุดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นการสร้างสถานการณ์และพยานหลักฐานขึ้นเอง โดยไม่ได้เกิดเหตุชิงทรัพย์แต่ เนื่องจากกลัวว่าญาติทางญาติจะทราบเรื่องที่เอาเงินไปใช้ส่วนตัวทำให้ต้องสร้างเรื่องขึ้นมาส่วนเงินนั้นได้มาจากการขายที่ดินแล้วนำเงินมาใช้ส่วนตัว
 
          เบื้องต้นทางเจ้าพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาว่า "ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้ามีหน้าที่ในการสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิดโดยรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการสืบสวนคดีอาญาเชื่อว่าได้มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น" โดยในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้นำตัวทั้งสองคนส่งฝากขังที่ศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง