หนักอกหนักใจ! สาวเสริมหน้าอกตบเท้าโวย หมอลืมผ้าก๊อซ แผลปริ หนองไหล นมเอียง พี่ขาช่วยหนูด้วย!

            วันที่ 27 ม.ค.65  คุณเบนซ์ ผู้เสียหายจากการศัลยกรรมเสริมหน้าอก เปิดใจผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เริ่มต้นที่เลือกศัลยกรรมที่คลินิกแห่งนี้เพราะเห็นข้อมูลจากในเฟซบุ๊ค มีการเช็คประวัติคุณหมอ ดูรีวิวแล้วมีความน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจเข้าไปปรึกษาเขา แล้วได้โปรโมชั่น 35,000 บาท จึงนัดเข้าไปทำเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ทำไปได้ประมาณ 2 เดือน เริ่มมีอาการเจ็บ ก็เข้าไปที่คลินิกอีกครั้ง เขาแจ้งว่าเป็นอาการเจ็บแบบปกติ จึงกลับบ้าน ผ่านไป 4 เดือนครึ่ง แผลผ่าตัดเริ่มมีลักษณะนูนขึ้นมา มีอาการเจ็บ ก็ส่งรูปไปให้คุณหมอดูทางไลน์ คุณหมอแจ้งว่าแผลติดเชื้อ ต้องทำการเจาะหนองออกมาแล้วเย็บแผลใหม่ ตอนนั้นดูดหนองออกมาได้ 4- 5 ซีซี เราก็ถามว่าต้องถอดซิลิโคนออกไหม หมอแจ้งว่าไม่ต้องถอดเพราะมันติดเชื้อภายนอก ไม่ได้เกิดจากภายใน แต่ไม่ได้บอกว่าที่เป็นหนองเกิดจากสาเหตุอะไร หลังจากดูดหนองออก แล้วเย็บแผลใหม่แล้ว หมอก็ให้กินยาฆ่าเชื้อ 3 วันติด หลังจากนั้นประมาณวันที่ 30 พ.ย. ก็มีหนองไหลออกมาจากแผล เราก็ถ่ายคลิปส่งไปให้ทางคลินิกดู จากนั้นก็เข้าไปที่คลินิกอีกรับ เขาก็ทำการบีบหนองออก แล้วให้ยาฆ่าเชื้อเหมือนเดิม แต่ 2-3 วันก็เป็นอีก ก็ต้องกลับไปบีบหนองอีก รวมๆ แล้ว ต้องเข้าไปรักษาอีกกว่า 10 ครั้ง จากที่เราอาศัยอยู่ภูเก็ต ก็ต้องมาเช่าห้องอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางไปรักษา จนกระทั่งวันนึง เขาแจ้งว่าอาจจะต้องถอดซิลิโคนออกนะ ก่อนถึงวัดถอดเขาก็ยังนัดเราเรื่อยๆ เพื่อเข้าไปรักษา บีบหนองออก ระหว่างนั้นใช้ชีวิตลำบากมาก พอถึงวันที่ 20 ธ.ค. ก็ได้ไปผ่าถอดซิลิโคนออกทั้ง 2 ข้าง และใส่สายระบายเลือดเสียค้างไว้ 3 วัน ก่อนไปถอดออก ผ่านไปประมาณ 4- 5 วัน ก็เริ่มมีอาการหนักมากขึ้น มีหนองเต็มเต้า แล้วแผลบวมขึ้น วันที่ 16 ม.ค. ก็มีหนองไหลออกมาจากแผลที่ปริ ก็ส่งคลิปไปให้ทางคลินิกดู และมีการนัดให้เข้าไปวันที่ 17 ม.ค. ซึ่งในวันนั้นก่อนที่จะไปคลินิก ก็มีผ้าก๊อซโผล่ออกมา เราก็ส่งคลิปให้ทางคลินิกดู แต่ทางคลินิกปฏิเสธว่า ไม่ใช่ผ้าก๊อซ แล้วเราก็เข้าไปที่คลินิก คุณหมอก็ดึงผ้าก๊อซออกมาเลย โดยที่ไม่ได้ฉีดยาชาใดๆ ทำให้เราไม่มีโอกาสได้ถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจริงๆ ทางคลินิกเขามีคลิป เราไปขอเขาเขาก็ไม่ให้ ขนาดเห็นกับตาว่าหมอดึงผ้าก๊อซออกจากหน้าอก คลินิกก็ยังไม่ยอมรับ เขาโทษว่าเราไปรักษาที่อื่นมารึเปล่า ทำให้หน้าอกเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เราไปรักษากับคลินิกเขาที่เดียว

 

 

           คุณเบนซ์ เล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุเธอได้ทักแชทไปขอความรับผิดชอบจากคลินิก ได้คำตอบว่าจะชดใช้ค่าเสริมหน้าอกครึ่งเดียว คือ 17,500 บาท โดยคลินิกไม่ยอมรับว่าลืมผ้าก๊อซไว้ในหน้าอก ซึ่งเราก็พยายามทวงถามเพราะไม่เคยทำศัลยกรรมหน้าอกที่ไหนมาก่อน สุดท้ายจึงตัดสินใจโพสต์เฟซบุ๊กในกลุ่มคนรักศัลยกรรม จนคลินิกติดต่อมาอีกครั้ง จะชดเชยค่าทำหน้าอกที่เธอเสียไปเต็มจำนวน 35,000 บาท และค่าเสียเวลาอีก 5,000 บาท เราอยากให้คลินิกยอมรับที่ทำกับเรา แต่ตอนนี้แม้แต่คำขอโทษก็ไม่มี เขาอ้างว่าเขาดูแลตลอด แต่เรามองว่าเขาจะอ้างข้อนี้ไม่ได้ เพราะเขาทำนมเราเป็นแบบนี้ และมันยังอยู่ในประกันด้วย เราแค่อยากให้คุณยอมรับในสิ่งที่คุณกระทำกับเรา แค่คำขอโทษสักคำก็ยังดี และ วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา หนูไปตรวจเช็คหน้าอก เขาเอาทนายของเขามา ตรวจหน้าอกเสร็จ เรียกหนูไปคุย ทนายเขาบอกจะเยียวยาเรื่องถอดซิลิโคนให้ เราก็เลยถามว่าแล้วเรื่องผ้าก๊อซล่ะ เขาก็บอกว่าเขายังไม่โฟกัสเรื่องผ้าก๊อซ หนูไปรักษามาประมาณ 20 รอบได้ ระยะเวลาที่รักษาประมาณ 3 เดือน ล่าสุด ก็มีตำรวจ สน.เตาปูน โทรมาหาเรา บอกว่าทางคลินิกไม่ติดใจเอาความที่เราโพสต์เรื่องราวของตัวเองลงในเฟซบุ๊ก เราจึงแจ้งกับทางตำรวจไปว่าจะขอแจ้งความบ้าง แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความ อ้างว่าเป็นคดีแพ่ง

 

          จากเรื่องนี้เอง คุณเจมส์ พี่ชาย ของคุณเบนซ์ เผยว่า ที่มาออกรายการครั้งนี้ เพราะอยากเรียกร้องให้น้อง เรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษาตัว น้องผมต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้แถมต้องยืมญาติ ล่าสุดวันนี้เอาทองไปจำนำเพื่อเอาเงินสดมาใช้จ่าย ผมมองว่าเดือนหน้าน้องผมลำบากแน่นอน จึงอยากเรียกร้องความรับผิดชอบจากคลินิก เพราะตอนนี้น้องผมรู้สึกกลัวการไปเจอที่คลินิกแล้ว ผมก็ได้แต่พยายามปลอบใจ 

 

 

          ด้าน คุณนิ้ง อังคณา ผู้เสียหายจากการศัลยกรรมเสริมหน้าอกอีกราย เล่าว่า ก่อนที่จะตัดสินใจศัลยกรรม เราศึกษามาค่อนข้างนาน ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการเลือกคลินิก ซึ่งก็เลือกทำที่คลินิกแห่งหนึ่งที่โคราช ซึ่งคุณหมอจบจากต่างประเทศ มีโปรไฟล์ดี เราได้โปรโมชั่นจากราคาเต็ม 120,000 บาท ลดเหลือ 90,000 บาท วันแรกได้ทำการตรวจเช็คร่างกาย เลือกขนาดไซส์ เราเลือกขนาดพอดีตัว 325 ซีซี หลังจากผ่าตัดเสร็จ ก็ต้องพันผ้าเอาไว้ 3 วัน เพื่อช่วยในการพยุง เราเริ่มสังเกตหน้าอกตัวเองว่ามันเป็นวงรี ซึ่งปกติมันควรจะเป็นบล็อกสวย ทำให้เริ่มวิตกกังวล แล้วก็หาดูรีวิวในโซเชียลเพื่อเช็คดูว่ามีใครเป็นแบบนี้บ้าง ก่อนจะถามไปทางคุณหมอ แจ้งว่ามันยังบวมอยู่ ต้องรอประมาณ 3 - 6 เดือน ถึงจะปกติ แต่หน้าอกเราไม่ใช่แค่เป็นวงรี แต่มันแข็งมาก แล้วก็ไม่สามารถบีบให้มันเข้ามาชิดกันได้ จึงตัดสินใจให้หมอแก้ให้ โดยแก้ข้างซ้ายข้างเดียว โดยผ่าออกแล้วยัดซิลิโคนเข้าไปใหม่ พอแก้เสร็จ เปิดผ้ามาเหมือนจะดี แต่ทำไปทำมา กลายเป็นว่าหน้าอกข้างซ้ายไหล เลยตัดสินใจแก้ข้างขวาอีก ทีนี้กลายเป็นว่าหน้าอกไหลทั้ง 2 ข้างเลย เวลาใส่บิกินี่จะสังเกตเห็นได้เลยว่ามีรอยนูนด้านล่างตรงราวนม เราไม่ได้ซีเรียสในเรื่องราคา แต่เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ตอนแก้ครั้งที่ 3 เราตกใจมาก ไม่คิดว่ามัจจะขนาดนี้ ทำไมหน้าอกเราร่วงมาขนาดนี้ มันไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ ทุกครั้งที่เราตื่นมาในห้องผ่าตัด เราไม่เคยเจอหน้าคุณหมอเลย

 

          คุณนิ้ง เล่าทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ไม่มีความมั่นใจหลงเหลือในตัวเองแล้ว เวลาใส่บิกินี่ หน้าอกของเรา ซิลิโคนไม่อยู่ตรงกลาง มันไหลลงมา หัวนมเราจะแพลมออกมา เพื่อนก็คอยเตือนว่าหัวนมจะไหลออกมาแล้วนะ เวลานอนนมก็ไหลไปไหลมา ใช้บราดันเท่าไหร่มันก็ไม่เข้า ทำให้เราเสียงาน เสียเงินไปเยอะมาก เราคุยกับเขาไปแล้วว่า เราอยากได้ที่แก้ที่ใหม่ แต่หมอบอกว่ามั่นใจว่าเขาสามารถแก้ให้เราได้ดีแน่นอน เราก็เชื่อใจเขา ให้เขาแก้รอบล่าสุดให้ แต่เขาบอกว่าปัญหาที่เกิดมันเกิดจากการที่แผลแตก ซิลิโคนก็เลยร่วงลงมา

 

 

            ขณะที่ น.ส.เอ็มมี่ อมลวรรณ ผู้จัดการส่วนตัว ของ นิ้ง อังคณา และผู้มีประสบการณ์เสริมหน้าอก เผยว่า รู้สึกสงสารน้องนิ้งมาก น้องเครียดมากเคยคิดฆ่าตัวตาย 3 ครั้ง จากปกติที่น้องต้องใช้หน้าตาและรูปร่างในการทำงาน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เสียรายได้ไปครึ่งล้าน จากคนที่มีความมั่นใจ ก็กลายเป็นคนเคอะเขิน ขาดความมั่นใจไป ทั้งนี้ สำหรับใครที่คิดไปศัลยกรรม อยากให้ศึกษาให้ดีก่อน คุยกับคุณหมอให้ชัดเจนถึงความต้องการที่อยากจะได้ ไม่อยากให้ทำศัลยกรรมแล้วเหมือนเป็นการเสี่ยงดวง

 

        ซึ่งในเคสของคุณนิ้งนั้น ทางคุณหมอเจ้าของเคส ได้ขออภัยและขอโทษคุณนิ้งที่ทำให้รู้สึกไม่ดี เราพร้อมที่จะรับผิดชอบโดยได้มีการติดต่ออาจารย์หมอที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเต้านม อยู่ที่ศิริราช เชี่ยวชาญเรื่องเต้านม และเราได้ทำการนัดกับอาจารย์ไปแล้ว และจะทำการตรวจที่ กรุงเทพฯ เรื่องผ่าตัด ค่ารักษา เราจะดูแลตรงนี้ให้ทั้งหมด

 

 

         สำหรับกรณีที่มีผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมนั้น ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ทนายความ แนะนำว่า เบื้องต้นต้องเรียกร้องค่าเสียหายทุกอย่างที่เราสูญเสียไปกับการทำศัลยกรรมครั้งนี้ ทั้งค่าคอร์ส ค่าขาดประโยชน์ ขาดรายได้ ที่เราน่าจะได้ระหว่างที่ต้องพักรักษาตัว และในกรณีของคุณเบนซ์ ผมมองว่ามันเป็นความประมาทของแพทย์โดยตรง เราอาจจะไปยื่นหนังสือเรียกร้องที่แพทยสภาได้ สำหรับเรื่องที่มีการโพสต์ลงโซเชียล เป็นแค่การโพสต์ขอคำแนะนำ ไม่ได้กล่าวชื่อใคร ดังนั้นไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท ส่วนเรื่องที่ ตำรวจบอกว่าไม่รับแจ้งความ ให้ถามเขาว่าทำไมไม่รับแจ้งความ แล้วให้ทางร้อยเวรคนนั้นทำบันทึกประจำวันแจ้งไว้เลยว่าเพราะอะไรถึงไม่รับแจ้ง ซึ่งจริงๆ กรณีนี้ ทางคลินิกเข้าข่ายประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากรักษานานเกินกว่า 20 วัน เข้าข่ายคดีอาญาได้ 

 

     ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/2MT8YS9UJag