จากกรณีที่ สิบตำรวจตรีนรวิชญ์ และร้อยตำรวจตรีนิคม พ่อของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดปริวาสราชสงคราม ย่านพระราม 3 เพื่อตั้งใจจะอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ หมอกระต่าย ที่เสียชีวิต และหลังการบวชเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้เดินทางไปขอขมาที่หน้าโลงศพ หมอกระต่าย แต่หลังจากที่มีข่าวเรื่องนี้ปรากฎออกไป ก็มีการตั้งข้อสงสัยจากคนในโซเชียลมีเดียว่า ผู้ที่ก่อคดีอาญา สามารถบวชเป็นพระได้ด้วยหรือ
ซึ่งทางทีมข่าวได้สอบถามไปทาง นายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ. ซึ่งบอกว่า กรณีดังกล่าว เมื่อพิจารณาตามพระธรรมวินัยแล้ว ต้องถือว่าไม่สามารถเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระได้ เพราะเป็นผู้ต้องคดีอาญาที่ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ได้แจ้งให้เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ เข้าไปทำความเข้าใจกับพระอุปชาแล้ว ส่วนจะต้องสึกหรือไม่สึกนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางวัดอีกที
ขณะที่ พระสถิตบุญวัฒน์ เจ้าคณะเขตยานนาวา ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้กับพระนรวิชญ์และพระนิคม เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมาเจ้าอาวาสวัดปริวาสราชสงคราม โทรศัพท์มาบอกกับอาตมาว่าขอให้ช่วยไปทำพิธีบวชให้กับตำรวจทั้ง 2 นาย โดยใช้คำว่า ขอให้ช่วยสงเคราะห์ ซึ่งอาตมากับเจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงไปบวชให้ โดยไม่ได้ถามเหตุผลหรือรายละเอียด ซึ่งการรับบวชจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าอาวาส โดยตำรวจทั้ง 2 นายบอกว่าจะบวชเป็นเวลา 3 วัน
พระครูสถิตบุญวัฒน์ กล่าวอีกว่า ถ้ายึดตามเงื่อนไขตามที่กฎมหาเถรสมาคมระบุไว้ ผู้ที่จะมาบวชได้ต้องตรวจสอบประวัติก่อน เพื่อป้องกันบุคคลที่หนีคดีมาบวช รวมถึงผู้ต้องหาที่ต้องคดี เพราะถือว่าไม่เหมาะสม โดยกรณีของพระนรวิชญ์ไม่มีเอกสารได้รับอนุญาตจากหัวหน้างาน แต่ผู้บังคับบัญชายศพล.ต. เดินทางมารับรองในพิธีด้วย จึงทำพิธีบวชให้ แต่เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเจ้าอาวาสวัดปริวาสฯ ได้รับการติดต่อจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาถึงกรณีที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะการบวชที่น่าจะไม่ได้เข้าระบบถูกต้อง จึงได้พูดคุยกับพระนรวิชญ์ เพื่อระงับการบวชหรือสึก ซึ่งพระนรวิชญ์ยินยอมที่จะสึก เบื้องต้นกำหนดไว้ว่า ช่วงเย็นวันนี้จะไปร่วมพิธีศพของผู้เสียชีวิตอีก 1 วัน แล้วจะกลับมาสึกที่วัด แต่ยังคงนุ่งขาวห่มขาวและถือศีล ส่วนพระพ่อจะบวชต่อให้ครบ3 วัน
+ อ่านเพิ่มเติม