ครอบครัวร้อง ลูกชายวัย 14 ถูก อริไล่ยิงเสียชีวิต คนร้ายถูกจับได้ อ้างยิงผิดตัว แต่ครอบครัวเชื่อจงใจ สุดท้ายศาลตัดสินจำคุก พร้อมสั่งชดใช้ แต่ทุกวันนี้กลับไร้การเยียวยา
ครอบครัวผู้เสียชีวิตร้องผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงกรณีที่ลูกชายวัย 14 ถูกยิงเสียชีวิตว่า วันที่เกิดเหตุ น้องพีท (ผู้เสียชีวิต) ขอเงินไปซื้อน้ำกินเราก็ให้ไป แต่กำชับให้รีบไปรีบกลับ สักพักเขาก็กลับมา แต่พอช่วงประมาณ 4-5 ทุ่ม ไม่เห็นเขา เลยถามพี่ชายเขาว่าพีทไปไหน พี่ชายเขาบอกว่าเพื่อนเขาชวนออกไปซื้อของ เราเห็นว่าเขาไปนานก็เลยโทรตาม แต่น้องไม่รับสาย ด้วยความกังวลใจก็เลยออกไปตามหาน้อง ไปตามหาอยู่หลายที่ก็ไม่เจอ เลยกลับไปรอที่บ้าน คิดว่าเดี๋ยวน้องก็คงกลับมา ระหว่างนั้นก็พยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับสาย พอช่วงเช้ามีตร.โทรมา บอกว่ามีรถเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตร.เขาเช็คจาก พ.ร.บ.รถเลยโทรมาหาเรา ถามว่าใครเป็นคนขี่ จยย.ออกไปเมื่อคืน เราถึงแจ้งไปว่าเป็นน้องพีท และตอนนี้น้องก็ยังไม่กลับมาบ้านเลย เราก็เลยไปตามหาน้องที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีใครรู้ เพราะน้องไม่มีบัตรประชาชน พอดีมี จนท.ขึ้นเวรช่วงน้องประสบอุบัติเหตุเดินมาเจอเราพอดี เราก็เลยถามว่าน้องอยู่ไหน เขาแจ้งว่าเคสน้องโดนยิงมา ตอนนั้นตกใจมาก เพราะตอนแรกคิดว่าประสบอุบัติเหตุ จนท.ก็พาไปที่ห้องฉุกเฉิน สภาพน้องมีผ้าพันรอบศีรษะ มีเครื่องช่วยหายใจ มีสายระโยงระยางไปหมด แต่จนท.ให้ญาติเข้าไปได้แค่คนเดียว จึงให้คุณตาเข้าไปดูให้แน่ชัดว่าใช่น้องพีทไหม
ตอนนั้นที่เห็นสภาพน้องพีท ก็ไม่แน่ใจ เพราะเขามีผ้าพันแผลเต็มไปหมด มองแล้วเขาไม่กระดุกกระดิกตัวเลย แต่เห็นแล้วคือน้องพีทแน่ๆ เราก็ขอให้หมอช่วยให้เต็มที่ อยากให้เขาฟื้น พยายามบอกว่าตามาเยี่ยมแล้วนะ หมอแจ้งว่ากระสุนเจาะท้ายทอย ฝังอยู่ในศีรษะ หมอแจ้งให้ทำใจ เพราะปั๊มหัวใจมา 2 รอบแล้ว ช่วยจนสุดความสามารถแล้ว น้องน่าจะไม่อยู่กับเราแล้ว
ส่วนเรื่องที่คนร้ายอ้างว่ายิงผิดตัว ไม่น่าจะใช่ เพราะมีการขี่รถไล่ยิงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ เหมือนจะมีปัญหาจากการมองหน้ากันมาก่อน แถมคนร้ายมีการขี่รถวนดูมาก่อน 3 รอบ พอน้องโดนยิงรถล้มแล้ว คู่กรณียังตามลงมาดูว่าน้องเสียชีวิตแล้วรึยัง แต่จังหวะที่เดินข้ามถนนก็ถูกรถชนได้รับบาดเจ็บ จึงสามารถจับตัวเอาไว้ได้
สำหรับเรื่องคดีความที่ผ่านมา ทางกระทรวงยุติธรรมแนะนำให้ไปหาทนาย เราเลยถามว่าเราไปหาได้ที่ไหน ท่านแนะให้ไปขอที่ศาลนนทบุรี แต่พอไปถึงมีอัยการท่านหนึ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีทนาย ผมเป็นคนดูคดีนี้เอง คุณแม่ทำใจให้สบายทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่มีใครแนะนำอะไรเราเลย บอกให้เราทำใจให้สบาย ไม่ต้องห่วง ถ้ามีอะไรที่ต้องดำเนินเรื่อง เดี๋ยวผมติดต่อไปหาแม่เอง ตอนแรกตั้งใจจะเรียกค่าสินไหม 10 ล้าน แต่เราก็สงสารฝ่ายนั้นเหมือนกัน เพราะพ่อแม่เขาไม่ได้ทำ ลูกเขาทำ ไม่อยากให้มีเวรมีกรรมต่อกัน ก็เลยเรียกไปแค่ 3 ล้านบาท ซึ่งภายหลังศาลตัดสินจำคุกผู้ก่อเหตุ 21 ปี แต่เขายอมรับสารภาพ เลยลดโทษเหลือจำคุก 10 ปี ชดใช้ค่าเสียหาย 5 แสนบาท ซึ่งแตกต่างจาก 3 ล้านบาทที่เรายื่นไป เราคิดว่าถ้ายื่น 3 ล้านแล้วจะได้รับชดใช้ตามนั้น ด้วยความที่เราไม่รู้กฎหมาย เราคิดว่าท่านอัยการก็คือทนายแผ่นดิน เราคงไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งทนาย ท่านบอกว่าคดีของท่านจบแล้ว ถ้าเราไม่พึงพอใจคำพิพากษา สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 60 วัน แต่เราไปหาข้อมูลมาว่าจริงๆ ต้องยื่นภายใน 30 วัน แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะวันที่จะไปยื่นอุทธรณ์กลับป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องอยู่รพ.นานนับเดือน เกือบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้เรายื่นอุทธรณ์ไม่ทัน และจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ได้เงินเยียวยาเลยสักบาท ยืนยันว่า เราไม่ได้เคียดแค้นคู่กรณี อยากให้เขาชดใช้กรรมก็พอ อยากให้ลูกได้รับความยุติธรรม ที่คาใจคือ ทำไมชีวิตลูกเราถึงมีค่าแค่ 5 แสน จริงๆ จำนวนเงินมันไม่สามารถมาทดแทนชีวิตลูกเราได้ ถ้าเลือกได้ก็อยากได้ลูกกลับคืนมา อีกทั้งครอบครัวผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยติดต่อมา ไม่มางานศพ ไม่มาขอขมาอะไรเลย มีแค่แม่ของคนที่ซ้อนท้าย จยย.โทรมาขอโทษเท่านั้น
ด้าน ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เผยว่า ในกรณีนี้ มีการเขียนคำร้องไปที่ศาล เรียกเงินเยียวยาไป 3 ล้าน แต่ไม่ได้ยื่นเอกสารอื่นประกอบ ไม่มีรายละเอียดว่ามีค่าอะไรบ้าง ทำให้ศาลไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่ได้มีการแต่งตั้งทนายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ทำให้ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ และการยื่นอุทธรณ์ ต้องทำการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ถ้าเราเป็นคนยากจน ไม่มีเงินแต่งตั้งทนาย ไปหาที่ยุติธรรมจังหวัด ให้เขาจัดหาทนายความให้ ให้เขาบังคับคดีดำเนินการเอาเงินจากจำเลย ซึ่งเขาจะไปทำหน้าที่สืบทรัพย์ให้ เช่น ทรัพย์ที่มีชื่ออยู่กับภรรยา สืบทรัพย์ไปจนครบเงิน 5 แสนบาท ซึ่งกระบวนการนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสักบาท คดีแบบนี้อายุความ 10 ปี แต่เราไม่ต้องรอให้มันหมดอายุความ ติดต่อทนายให้สืบทรัพย์ได้เลย และหากมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน เท่ากับฉ้อโกงเจ้าหนี้ โทษจำคุกเลยนะครับ
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม