ดรามาศึกชิงแมวจร สาวดูแลมานานปี VS สาวอุ้มไปรักษา สงครามนี้ แมวต้องเป็นของใคร!

       2 ผู้ใจบุญเปิดศึกชิง เจ้าเสือ แมวแก่ข้างถนนในซอยวัดกู้ ปากเกร็ด ต่างฝ่ายต่างโต้ตนเองมีสิทธิ์ ขณะที่แมวป่วยหนักด้วยโรคลูคีเมีย และเอดส์แมวคาดอาจอยู่ได้ไม่นาน

กลายเป็นดราม่าบนโลกออนไลน์ เมื่อมีการเปิดศึกแย่งแมวจร แมวตัวนี้ชื่อว่าเจ้าเสือ เป็นแมวจรที่อาศัยอยู่แถววัดกู้ จังหวัดนนทบุรี ที่ฝั่งหนึ่งอ้างว่า ตนเป็นผู้เลี้ยงดูให้อาหารแมวตัวนี้มานาน แต่อีกฝ่ายอ้างว่า แมวจรตัวนี้ไม่สบายและต้องได้รับการรักษา โดยได้นำแมวตัวนี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง มีค่าใช้จ่ายในด้านการรักษา พร้อมประสานงานมูลนิธิรักษ์แมว ให้การช่วยเหลือ ประกาศหาบ้านใหม่ให้แมวตัวดังกล่าว แบบมีเงื่อนไข

โดยสาวที่อ้างว่าเป็นผู้เลี้ยงดูแมวต้องการนำแมวกลับไปเลี้ยงดูที่บ้าน แต่อีกฝ่ายกลับอ้างว่าตนไม่มีความพร้อมที่จะเลี้ยงดูได้ จึงกลายเป็นศึกชิงแมวสนั่นโลกออนไลน์ ร้อนถึงรายการ ถกไม่เถียง ต้องเปิดโต๊ะถกปัญหาในประเด็นนี้ว่า ใครกันแน่ที่ควรได้สิทธิ์ในการนำแมวจรตัวนี้ไปเลี้ยงดู

นก ผู้ที่โพสต์ข้อความตามหาแมวจร เล่าว่า ตนเป็นคนให้ความช่วยเหลือแมวจรและแมวบ้านมานาน ดูแลในหลายพื้นที่ โดยครั้งแรกที่รู้จักกับเจ้าเสือ แมวตัวนี้เพราะมีคนโทรมาให้มาช่วยเหลือ  เพราะว่าแมวโดนน้ำร้อนลวกหลังมาที่บริเวณตลาด ตนก็ไปช่วยเหลือด้วยการนำแมวมาทายารักษา ให้ยาทาน เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนที่ช่วยเหลือแมวจรมาอยู่แล้วกว่า 30 ปี จึงรู้วิธีรักษาเบื้องต้นโดยที่ตนไม่ใช่สัตวแพทย์ แต่ได้รับความรู้จากสัตวแพทย์มาโดยตลอด ซึ่งได้รักษาเจ้าเสือจากประสบการณ์ของตัวเอง โดยดูแลแมวตัวนี้มานานนับเดือน มีการให้ยา ให้อาหาร แต่แมวเจ้าเสือยังอาศัยอยู่ที่บริเวณตลาด

ต่อมาเจ้าเสือได้หายตัวไป โดยคนแถวนั้นได้บอกว่าแมวมีลุงอุ้มไปแล้ว ก็ได้มีการตามหาแมวตัวนี้ แต่ก็หาไม่เจอก็ได้ถอดใจแล้ว จนสุดท้ายได้ไปพบกับเจ้าเสือที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง แมวก็สะกิดเรียก ตนก็เลยได้เรียกคุณหมอมาสอบถาม โดยหมอได้แจ้งว่าแมวได้ป่วยเป็นเอดส์แมวกับลูคีเมีย ซึ่งตนได้ขอนำแมวกลับไปเลี้ยงดูแลรักษาต่อ แต่เจ้าเสือมีป้ายประกาศตามหาบ้านแล้ว ตนจึงได้โทรหาข้อมูลตามป้าย แต่อีกฝ่ายอ้างว่าแมวได้เข้ามูลนิธิไปแล้ว รวมถึงยังอ้างว่าตนเลี้ยงแมวป่วย มีการปรุงยาด้วยตัวเอง ไม่มีความพร้อมในการดูแลแมว ซึ่งสิ่งที่ตนต้องการคืออยากนำแมวตัวนี้มาเลี้ยงดูเหมือนเดิม รวมถึงถ้าจะเอาแมวตัวนี้ไปเลี้ยงดูต่อก็อยากให้มีการตรวจสอบด้วยว่าจะไม่มีการนำแมวมาหาผลประโยชน์

"เจ้าเสือถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ นาน เดินไม่ได้ อยากให้แมวได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ ไม่ได้ต้องการเอาแมวไปเปิดระดมทุนเรี่ยไรเงินบริจาคอย่างที่มีการกล่าวหา แม้จะมีการโพสต์ขอรับบริจาคแต่ยืนยันว่าไม่มีเงินบริจาคโอนเข้ามา " คุณนก กล่าว

ด้าน คุณเกตุ และ คุณส้ม ผู้ที่นำแมวไปรักษา เผยว่า ปกติตนเลี้ยงแมวอยู่ที่บ้าน มีแมวจำนวน 5  ตัวต่อมา ตนได้นำตัวแมวจรตัวนี้มารักษา พร้อมกับตั้งชื่อว่าเจ้าเสือ นำไปรักษาที่โรงพยาบาล รวมถึงได้นำป้ายประกาศหาบ้านให้กับแมวเจ้าเสือ มีการนำป้ายไปแขวนไว้ตรงบริเวณที่แมวเคยอยู่ตรงนั้นด้วย ต่อมาคุณนกได้ติดต่อมาก็พูดจากันดีไม่มีปัญหาอะไร มีการบอกว่าที่บ้านเลี้ยงแมวหลายตัว และบอกว่าแมวที่บ้านติดหัดอยู่หลายตัว รวมถึงตกงานไม่มีรายได้ไม่สามารถรับเสือกลับไปได้ ซึ่งตนก็จะเอาเจ้าเสือกลับมาเลี้ยงดูที่บ้าน โดยฝ่ายคุณนกจะให้ยืมกรงเลี้ยงแมว แต่ไม่ได้มีการนัดหมายกันว่าจะให้กรงกันเมื่อไหร่

นอกจากนี้ได้มีการติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิรักษ์แมว เพื่อขอค่าสนับสนุนในค่ารักษาพยาบาล โดยมูลนิธิได้ช่วยเหลือสนับสนุนเงินมา 7,000 บาท แต่มีเงื่อนไขที่ชัดเจนเคร่งครัด รวมถึงมีผู้ใหญ่ใจดีติดต่อมาช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเพิ่มด้วย เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลเกิดบานปลาย และตนได้แจ้งฝ่ายคุณนกด้วยว่า ตนตัดสินใจให้แมวไปเลี้ยงดูไม่ได้ เพราะแมวเป็นของมูลนิธิแล้ว

ต่อมาคุณนก ได้มีการติดต่อมาขอรับแมวคืนอีก พร้อมกับอ้างว่าแมวขังกรงไม่ได้ รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าตนเลี้ยงดูอย่างไม่ถูกวิธี ซึ่งตนไม่ได้ตอบกลับไปว่าให้หรือไม่ให้แมว กลับไปพร้อมกับยืนยันว่าต้องติดต่อกับมูลนิธิก่อนต้องให้มูลนิธิเป็นคนตัดสินใจ ทั้งนี้ใครติดต่อมาขอรับเจ้าเสือไปเลี้ยงดูต่อ ตนก็อยากให้ติดต่อไปทางมูลนิธิรักษ์แมว เพราะเป็นดุลพินิจของสัตวแพทย์และมูลนิธิฯ ตนไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัดสินใจแล้ว  

ทั้งนี้ทางมูลนิธิรักษ์แมว ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงานรายการถกไม่เถียงว่า โดยปกติจะส่งคืนแมวกับเจ้าของแมวที่นำมาส่ง แต่สำหรับกรณีนี้ทางมูลนิธิจะดูแลเจ้าเสือต่อเองจนกว่าจะสิ้นอายุขัยของแมว ไม่ยอมให้แมวกลับไปกับผู้ที่ไม่มีความรู้ในการดูแลรักษาอย่างแน่นอน 

รศ.น.สพ.ดร.จตุพร รัตนศรีสมพร อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกสัตว์เลี้ยง คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยว่า แมวที่เป็นเอดส์แมว สาเหตุมาจากน้ำลายและสารคัดหลั่งติดต่อกัน การดูแลรักษาในปัจจุบันต้องวินิจฉัยระยะของการติดเชื้อก่อน บางตัวอาจจะไม่แสดงอาการก็ได้หากภูมิคุ้มกันแข็งแรงพอ ถ้าช่วงที่สามารถแพร่เชื้อด้วยการไปกัดแมวตัวอื่นได้มันก็สามารถแพร่เชื้อต่อไปได้ สัตวแพทย์ไม่สามารถดูด้วยตาแล้วรู้ว่าป่วยหรือไม่ ต้องมีการวินิฉัยประวัติด้วย ต้องยืนยันด้วยการตรวจเลือดเท่านั้น ส่วนการใส่น้ำเกลือหรือรักษาสัตว์เองนั้น ต้องคำนึงถึงขนาดน้ำหนักของแมว ยาบางชนิดก็ไม่สามารถให้แมวเองได้ ควรนำแมวมารักษากับสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สรุปผลโพล  คุณคิดว่า แมวควรเป็นของใคร?