เมียหลวงร้อง ผัวข้าราชการควงชู้หยามทั่วเมือง ใช้เงินระเริงสาว บังคับเมียใช้หนี้แทน!

     โดย คุณกบ เล่าให้ฟังว่า เธออยู่กับสามีมาเข้าปีที่ 20 แล้ว จนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขามาบอกเลิก และบอกว่าจะอยู่กินกับผู้หญิงคนใหม่ เธอก็ตั้งสติแล้วถามว่าเป็นใคร เขาบอกว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ปกติดีทุกอย่าง เพราะเธอไว้ใจสามี เราอยู่ด้วยกัน 6-7 ปี ก่อน ถึงจะจดทะเบียนสมรสเพราะเธอท้อง ตอนนี้ลูกสาวโตแล้ว อายุ 13 ปี เธอทำอาชีพเป็นแม่ค้าอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ส่วนสามีสอบติดข้าราชการปี 2561 เขาก็ขอแยกออกไปอยู่บ้านแม่ คนละอำเภอ เธอก็ยินดีที่เขาจะได้ดูแลแม่เขาด้วย ทุกวันหยุดเขาก็จะกลับมาหา ทุกอย่างปกติดี ไม่เคยมีเรื่องระหองระแหงกัน ตั้งแต่เขาย้ายออกไป เธอเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เกี่ยวกับลูก เขาไม่ได้ส่งเสีย เพราะเขาอ้างว่าเงินเดือนน้อย แล้วตอนนั้นเธอทำมาค้าขายได้เงินดีกว่าเขา ก็พยายามช่วยเหลือจุนเจือเขา แบ่งค่าน้ำมันให้บ้าง เขาไม่ได้มีพฤติกรรมที่ทำให้สงสัยเลย ทุกอย่างปกติมาก ส่วนคนที่เป็นเมียใหม่เขา ตอนนี้ทำงานเป็นครู ก่อนหน้านี้เขาทำงานด้วยกัน ผู้หญิงเป็นลูกจ้างทำงานที่เดียวกับแฟนเธอ แต่ตอนหลังไปสอบติดครู ช่วงแรกที่เขาทำงานด้วยกันกับผู้หญิงคนนั้น เขาบอกว่าเป็นแค่พี่น้อง เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร

 

         ตอนหลัง เธอเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่า สามีเคยนัดเธอให้ไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอไปเจอผู้หญิงคนนี้กับแฟนของผู้หญิงนั่งอยู่ด้วยกัน แล้วก็มีแฟนของเรานั่งอยู่ด้วย ตอนนั้นก็แอบเอะใจว่าแฟนเรากับผู้หญิงคนนี้น่าจะมีอะไรกัน แต่แฟนเราบอกว่าไม่มีอะไร เราก็เลยเลิกติดใจ ไม่ระแวงเลย หลังจากนั้นก็มีคนส่งข้อความมาว่าสามีไปกับผู้หญิงนะแต่เธอไม่เชื่อ สามีบอกมีคนแกล้งเขาเราก็ไม่เชื่อที่ข้อความส่งมา จนเธอพยายามหาความจริง ถามเพื่อนสนิทของสามีว่าสรุปแล้วมันยังไง เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทีนี้ลูกสาวก็มาบอกว่าไม่ต้องไปถามใครแล้ว เขารู้เห็นเป็นใจกันหมดแหละ 

 

         หลังจากเลิกกันไป เขาให้เพื่อนสนิทโทรมาหาเธอทุกวัน บอกให้เธอทำใจให้ได้ เขาก็เคยผ่านเรื่องนี้มา เราต้องอยู่ให้ได้ แถมยังโทรมาหาลูกเธอด้วย บอกว่าขนาดลูกน้ายังอยู่ได้เลยโดยที่ไม่มีพ่อ หนูก็ต้องอยู่ให้ได้ จนในที่สุดเธอมารู้ความจริงว่าทุกคนรู้เห็นเป็นใจกันหมด จนเธอไปเจอข้อความที่สามีคุยจีบกันกับชู้ โดยให้ลูกเป็นคนหาให้เพราะเธอเล่นโทรศัพท์ไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งข้อความนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันเลยว่าผู้หญิงคนนั้นที่เธอเจอคือชู้ของสามี 

 

         คุณกบ เผยว่า จนวันนึง เธอบุกไปขอเคลียร์กับสามี และชู้สาว แต่กลับโดนสามีล็อคคอแล้วลากออกไป ไม่ยอมให้คุย บอกให้คุยกับเขา 2 คนที่บ้าน ตอนเช้าเขาก็มาที่บ้าน สามีได้ยื่นข้อเสนอให้เธอรับเงินก้อนหนึ่ง พร้อมกับให้เซ็นใบหย่า ไม่ให้ไปเอาเรื่องผู้หญิงคนนั้น พร้อมให้เธอรับใช้หนี้ร่วมด้วย ซึ่งมียอดหนี้เป็นล้าน ทำให้เธอตกใจว่าไปกู้มาจากไหน เธอไม่ได้เซ็นเอกสารอะไร ไม่ได้รับรู้มาก่อน คาดว่าน่าจะเป็นการกู้มาซื้อบ้าน เธอรู้เพียงก้อนแรกที่เขาไปกู้สหกรณ์ที่ทำงานเขา 1 แสนบาท แล้วให้เธอไปเซ็นด้วย เขาบอกว่าเขาจะกู้เอาเงินไปซื้อปืนเพื่อใช้ในหน้าที่การงาน ตอนที่กู้เธอก็คิดว่าสามีน่าจะแบ่งให้ลูกบ้างแหละ แต่ปรากฏว่าเขาไม่เคยแบ่งเลยแม้แต่บาทเดียว แล้วมารู้ทีหลังว่าที่เขาซื้อปืน เพราะว่าเขาจะเอาไว้ป้องกันตัว จากแฟนเก่าของชู้สาว เขาเคยบอกกับลูกด้วยว่า แม่รู้เรื่องที่พ่อมีแฟนใหม่ก็ดี จะได้ทำอะไรได้สะดวก แถมเขายังขู่ว่าถ้าเราฟ้อง เขาจะฟ้องกลับให้เธอติดคุก บอกว่าเธอเอาคลิปลงโซเชียลเกี่ยวกับเมียน้อย ซึ่งในคลิปไม่ได้มีการบอกชื่อ ไม่มีอะไรเลย ความตั้งใจของเธอตอนนี้คืออยากจะฟ้องหย่า และฟ้องชู้

 

 

        ด้าน คุณชมพู่ (นามสมมติ) พยานที่เป็นญาติของสามี เผยว่า ตนเองได้รู้เรื่องราวที่เขามีชู้มาประมาณ 2 ปี แต่คิดว่าเป็นนิสัยของผู้ชาย เดี๋ยวเขาคงกลับตัวได้ แต่ไปๆมาๆ กลับจริงจังมากขึ้น ตอนแรกไม่ได้บอก คุณกบ เพราะกลัวเขาจะเสียใจ แต่หลังๆ ฝ่ายชายเริ่มมีการพาชู้ออกไปไหนมาไหนด้วยกัน คนแถวนั้นจะเข้าใจว่าชู้ เป็นภรรยา สำหรับเรื่องที่ข้าราชการคบชู้ผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นไล่ออก ถามว่าน่ากลัวไหม มันก็น่ากลัว แต่มันแล้วแต่จิตสำนึกของคนมากกว่า ทั้งนี้ คุณชมพู่ยืนยันจะช่วยเป็นพยานให้คุณกบในชั้นศาลด้วย

 

         ฟาก คุณ โจ้ (นามสมมติ) อดีตแฟนชู้ เล่าว่า รู้เรื่องที่แฟนสาวไปเป็นชู้กับสามีพี่กบตั้งแต่ปี 62 เวลาเจอแฟนจะเปลี่ยนไป แตะเนื้อต้องตัวไม่ได้ เล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา ทั้งที่คบกันมา 8 ปี วันที่ได้เจอกับพี่กบ วันนั้นเขาพาพี่กบมาแนะนำให้เรารู้จัก บอกว่าคนนี้แฟนเขา เหมือนอยากให้ผมเชื่อใจว่าเขากับแฟนผมไม่ได้มีอะไรกัน ซึ่งตอนนั้นเราก็เริ่มสงสัยแล้ว มันเริ่มมีพิรุธให้เราจับได้ เขาเริ่มลบแชท ลบเบอร์โทรเข้า-ออก คุยกันบ่อยขึ้น ไม่ได้คุยเฉพาะในเวลางาน นอกเวลางานก็คุยกัน พอเราถามว่าคุยกับใคร เขาก็บอกว่าคุยกับพี่ที่ทำงาน ปกติทุกวันศุกร์ผมจะเป็นคนไปส่งแฟน จาก กาญจนบุรี ไปที่ สุพรรณบุรี แต่เขาบอกว่าไม่ต้องไปส่ง เดี๋ยวพี่ที่ทำงานไปส่งเอง ผมถามว่าคนไหน เขาก็ไม่บอก จนผมต้องไปดักรอแล้วก็เห็นว่าเป็นพี่คนนี้ หลังจากนั้น ผมไปเจอเสื้อผ้าผู้ชาย อุปกรณ์ส่วนตัวในห้องแฟน ผมก็เลยให้เพื่อนผมแถวนั้นคอยดูว่ามีรถคันนี้จอดอยู่ไหม เพื่อนผมก็ส่งสัญญาณมาบอกว่ามีรถคันนี้มา ผมก็รีบขับรถไปเลย ก็คุยกันดีๆ แฟนผมก็บอกว่าเดี๋ยวพี่ผู้ชายจะเลิกกับแฟนแล้ว ถามว่าแค้นไหม มันก็แค้นครับ แต่ถ้าทำอะไรไปผมก็คงจะกลายเป็นคนผิด เพราะผมไม่ได้มีอะไรที่ควบคุมเขาได้เลย ผมก็เลยไม่วู่วามทำอะไร ตอนเจอมันก็โกรธเลือดขึ้นหน้า จนถึงขั้นอยากจะเอาชีวิตแหละ แต่พ่อผมก็ช่วยปรามผมด้วย บอกผมอย่าไปคิดเยอะ อย่าเอาอนาคตไปทิ้งกับแค่ผู้หญิงคนเดียว แล้วเราก็ไมได้จดทะเบียนสมรสด้วย ไม่ได้มีอะไรไปครอบครองเขา สุดท้ายวันที่ 25 ต.ค.62 เวลา 19.30 น. เขายอมรับว่าเขาคบชู้กับผู้ชายคนนั้น ผมเลยเลิกเลย

 

 

      ทั้งนี้ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้ให้ความรู้ทางด้านกฎหมายว่า กรณีเรื่องกู้หนี้ยืมสิน ทางธนาคารต้องให้สามีภรรยาเซ็นรับรู้ด้วย กรณีของคุณกบบอกว่าไม่รู้เรื่องหนี้ด้วย ก็สามารถตรวจสอบได้ ถ้าเกิดมีการปลอมเอกสารการเซ็นขึ้นมาสามารถดำเนินคดีได้ ถ้าเกิดภรรยาเซ็นกู้เงินด้วย แล้วหย่ากันไป หนี้ทั้งหมดต้องแบ่งกันชดใช้ แต่ถ้าเขากู้มาเพื่อไปใช้กับชู้ เราไม่ต้องชดใช้เลยสักบาท ส่วนเรื่องที่ฝ่ายชาย พาชู้ออกหน้าออกตา พาไปไหนมาไหนด้วย คือการยกย่องหญิงอื่นเหมือนภรรยา แบบนี้หลักฐานชัด ฟ้องหย่าได้เลย เคสของคุณกบ แนะนำให้ไปที่ยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี บอกว่าเราเป็นคนยากจนไม่มีเงินฟ้องหย่าและฟ้องชู้ เขาจะมีทนายอาสามาให้ และรายงานเรื่องนี้ไปที่ผู้บังคับบัญชาการทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งสามี และชู้