หัวโจก 4KINGS ในชีวิตจริง ศักดิ์ศรีที่ไร้ค่า ได้มาเพื่ออะไร โยงวัยรุ่นอินหนัง ตีกันเกลื่อนเมือง?

        วันที่ 20 ธ.ค.64  อดีตกลุ่มหัวโจก 4KINGS ในชีวิตจริง ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงปมดรามาภาพยนตร์ 4KINGS 

 

          รูแปง อินทร อดีตกลุ่มหัวโจกจากหนึ่งใน 4 สถาบันในภาพยนตร์ เชื่อว่าภาพยนตร์ 4KINGS ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสอนให้คนมาดูว่า ถ้าคนดูแล้วเอาไปทำตาม มันจะมีผลเสีย หนังมันสอนว่าอะไรไม่ดีก็อย่าไปทำตาม สำหรับเรื่องที่ ต้องตีกันนั้น มันเป็นค่านิยมที่ผิด เราถูกปลูกฝังมาจากรุ่นพี่ ซึ่งตอนนี้เราพยายามปลูกฝังสิ่งที่ดี ไม่อยากให้มาตีกัน เพราะการตีกันมีแต่ตาย และบาดเจ็บ มันจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ พอมาถึงตอนนี้เราถึงมองเห็น กลับไปตั้งใจเรียนดีกว่า อย่างผมเองเคยตีกันกับ เอ็กซ์ ประชาชื่น โดนฟันแขนจนเอ็นเกือบขาดมาแล้ว ในสมัยก่อนที่การสื่อสารยังไม่ดีเหมือนสมัยนี้ ก็จะใช้โทรศัพท์บ้านโทรนัดกับเพื่อน อย่างเวลาจะรวมตัวก็จะนัดกันบ่าย 3 โมง แต่ทุกคนต้องมารวมตัวกันบ่าย 2 แล้ว หากไม่ตรงเวลาก็อาจจะโดนซัดช็อปหลุดได้ อย่างเรื่องที่บอกเวลาไปไหนมาไหนให้ถอดเสื้อช็อป ในยุคนั้น ถึงแม้ไม่ได้ใส่เสื้อช็อป เขาก็จำได้อยู่ดี ไปไหนก็โดน ด้วยความที่มีเอกลักษณ์ในตัวเองอยู่แล้ว

 

 

         ด้าน บิลลี่ อินทร อดีตกลุ่มหัวโจกหนึ่งในตัวละครในภาพยนตร์ 4KINGS เผยว่า ถ้าดูจากในหนังจะเห็นว่าเขาพยายามเน้นให้เห็นผลเสียของการกระทำ น้อยมากที่จะเสนอภาพความรุนแรง ส่วนในชีวิตจริง ที่เมื่อก่อนเราตีกัน ในยุคนั้นจะมีแค่ 4 โรงเรียนดังๆ เวลาไปคอนเสิร์ตจะต้องมาตีกัน อย่าง 7 สีคอนเสิร์ตทุกวันเสาร์ ก็จะไปและ เหมือนที่ว่าอยากเป็นจ่าฝูง เราต้องเจ๋งกว่า สู้เราไม่ได้หรอก เขาปลูกฝังเรามาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องในหมู่เพื่อน สำหรับผมเคยติดคุกเด็ก ตอนนั้นทัศนคติก็ไม่ได้เปลี่ยน ยังคึกคะนองเหมือนเดิม แต่เริ่มสงสารพ่อแม่แล้ว อยากจะฝากถึงน้องๆ ลองไปดูหนังแล้วคิดตาม จากนักเรียนจะกลายเป็นอาชญากร คนที่เสียใจที่สุดคือพ่อแม่

 

       ส่วนประเด็นที่มีคนดูภาพยนตร์ 4KINGS จบ แล้วออกมาตะโกน "อินโว้ย" นั้น เจี๊ยบ บุรณพนธ์ เชื่อว่า จริงๆไม่น่าจะอินหรอก แต่เป็นความคึกคะนองมากกว่า อย่างบทของอินทรจะเยอะ พอเวลาเด็กดูมันจะเกิดความคึกคะนอง แล้วไปท้าคนที่มาดูหนังด้วยกัน แล้วก็เกิดเรื่อง อย่างเมื่อก่อน ตอนไปโรงเรียน วันแรกก็โดนรับน้อง รุ่นพี่ให้เราโหนรถเมล์ พอเจอคู่อริ เขาก็ถีบเราลงไปเจอกับคู่อริเลย เราต้องทำเขา ไม่งั้นก็จะโดนทำเสียเอง

 

 

       ฟาก เอ็กซ์ ประชาชื่น เผยว่า ตอนเด็กๆ เวลาไปดูหนังมันก็อินแหละ อยากแต่งตัวเหมือนคนนั้นคนนี้ แต่ไม่ได้อยากไปตีรันฟันแทงเหมือนเขาหรอก ผมว่ามันแล้วแต่คนว่าเขาจะมีวิจารณญาณมากน้อยแค่ไหน หนังมันก็มีทั้งเรื่องจริงเรื่องแต่ง ผู้สร้างเขาเสนอในสิ่งที่ดี ไม่ได้ทำมาให้เด็กไปตีตามกันแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ เด็กช่างต้องตีกัน มันเป็นกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ เป็นค่านิยมที่ผิด แค่ต่างโรงเรียนก็ตีกันแล้ว เป็นการแสดงแสนยานุภาพอย่างหนึ่ง ถ้าเขาเดินมากับผู้หญิง มันก็ 50-50 ว่าจะตีเขาไหม แต่เราจะไม่ตีผู้หญิง อยู่ที่ว่าใจเขาใหญ่ไหม ถ้าเขาใจใหญ่พอเขาก็อาจจะปล่อยไปพร้อมผู้หญิง แต่ถ้าใจไม่ใหญ่พอ ก็อาจจะโดนอยู่ดี แต่เขาจะไม่แตะผู้หญิงเลย 

 

       ขณะที่ เค ใหญ่ กนก เชื่อว่า ถ้าคนที่มีวุฒิภาวะจะแยกแยะได้ว่าหนังเขาสื่ออะไร ถ้าคนที่เข้าไปดูจะรู้เลย ก่อนเข้าไปดูหนัง คุณอาจจะมีอารมณ์อีกแบบนึง แต่พอดูจบ หนังน่าจะทำให้คุณรู้สึกอีกแบบนึง เมื่อก่อนที่ เราตีกัน มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย มันเป็นค่านิยมมากกว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเก่ง ความเจ๋ง ทุกคนอยากแต่งตัวตามสไตล์ อยากโชว์เท่กันหมด เรื่องที่ออกมาตีกันแบบนี้ ไม่มีใครน่าสงสารเท่าพ่อแม่อีกแล้ว

 

         ตุ้มเม้ง กนก เผยว่า มันเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่า อย่างเด็กช่างแถวบ้านผมจะมารวมตัวกัน เอาเสื้อมาแลกเปลี่ยนคืนกัน ข่าวที่เขาออกก็มักจะนำเสนอภาพไม่ค่อยดี ส่วนที่ดีๆก็มีแต่ไม่ค่อยถูกนำเสนอ พูดได้เลยว่า คนที่อยู่ตรงนี้ เคยเข้าคุก หรือสถานพินิจกันมาแล้ว อย่างผมเองเข้าคุกหลายรอบเลย แรกๆ มันก็รู้สึกกลัว แต่พอออกจากคุกแล้วกลับไปที่สถาบัน ไปอยู่ในวงเวียนสังคมเดิม มันก็ยังมีอารมณ์ชวนให้ตีกันอยู่เหมือนเดิม

 

 

         สำหรับประโยคหนึ่งในหนัง "ศักดิ์ศรีที่ไร้ค่า ได้มาเพื่ออะไร"  เอ็กซ์ ประชาชื่น เผยว่า การที่เราตีรันฟันแทงกันมา ได้ชื่อก็จริงในสมัยนั้น แต่วันนี้มันไม่มีค่าเลย คุณไปทำงานในบริษัทต่างๆ คุณไปเจอเพื่อนคนนั้นคนนี้ในบริษัท คุณก็ยังต้องใช้ชีวิตร่วมกับเขาอยู่ดี สิ่งที่เราคิดว่าเป็นศักดิ์ศรีในตอนนั้นมันไม่ได้มีค่าอะไร มีช่วงหนึ่ง ที่ผมได้ไปเรียน ไปทำงานที่ต่างประเทศ ไปใช้ชีวิตที่อื่น สิ่งที่เราตีกับคนอื่น สิ่งที่เราทำมามันไม่ได้มีค่าอะไรเลย มันไม่ได้เท่เลย ชื่อเสียงที่เรามี ไปอยู่นู่นไม่มีใครรู้จักเราเลย แล้วผมก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องตีกับคนอื่น พอผมกลับมาเมืองไทย ตอนนั้นเขาเริ่มมีนัดเตะบอลกันแล้ว ผมก็เลยนัดพวกเขากินเหล้ากันไหม   

 

          ซึ่ง รูแปง อินทร เสริมว่า กาลเวลาที่ผ่านไปมันทำให้เรารู้สึกว่าเหนื่อยมาก ถ้าเราไม่ถอย แล้วเราจะได้เพื่อนไหม ถอยก้าวนึงคุณก็ได้เพื่อนแล้ว ยิ่งถอยหลายก้าวคุณก็ได้เพื่อนมากขึ้น ตีกันแทบตายสุดท้ายก็เป็นเพื่อนกัน 

 

        เคใหญ่ กนก เล่าต่อว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนรวมตัวกัน คือ งานฟุตบอลประเพณี 4KINGS พี่ดาเป็นคนรวบรวมผู้คนเข้ามารวมตัวกัน ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจว่ารวมตัวกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นมั้ย แต่รอบแรกที่จัดบุรณพนธ์ยังไม่มา ครั้งแรกที่มาเจอกัน มารวมตัวกัน มันก็ยึงตึงๆกันอยู่ แต่ไม่ได้ตีกัน แยกกันนั่งกินเหล้า แต่พอจัดหลายรอบเข้า ก็เริ่มรวมกันได้ มีมานั่งกินเหล้าด้วยกัน เล่นฟุตบอลด้วยกัน ตอนนี้มันเหมือนพี่น้องกันมากกว่า

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/ukwpp6Pih-U