คปภ.สั่งปรับอาคเนย์ประกันภัย 1.8 ล้านบาท ปมประวิงจ่ายค่าสินไหม คดี ‘น้องหญิง’ พร้อมปรับ 2 หมื่น/วัน จนกว่าจะชดใช้ค่าสินไหมให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต
วันที่ 8 ธ.ค.64 นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถยนต์คันเอาประกันภัยไว้กับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิต ที่จังหวัดบุรีรัมย์ และศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีคําพิพากษาถึงที่สุด ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ 1606/2564 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ว่าผู้เอาประกันภัย ซึ่งขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี มีหนังสือแจ้งบริษัทประกันภัยให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแล้ว แต่บริษัทดังกล่าวโต้แย้งในข้อเท็จจริง
จนต่อมามารดาของผู้เสียชีวิต ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และสำนักงานฯ มีหนังสือแจ้งความเห็นให้บริษัทฯ พิจารณาทบทวน ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่บริษัทยังยืนยันปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้ทราบว่าศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
นายสุทธิพล กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. นำกรณีดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานเสนอแนวทางการกำหนดเกณฑ์ความผิดต่อเนื่อง ที่มีโทษปรับรายวัน ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 และนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเปรียบเทียบ ครั้งที่ 5/2564 วันที่ 7 ธ.ค.64 คณะกรรมการฯ พิจารณาจากพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ และเปิดโอกาสให้บริษัทชี้แจงข้อเท็จจริงแสดงเหตุผล ตลอดจนให้นำส่งพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการปฏิเสธไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน อันถือเป็นการให้ความเป็นธรรมในกระบวนการพิจารณาคดีความผิด
พบว่าถ้อยคำโต้แย้งของบริษัทฯ ที่ปรากฏในชั้นการร้องเรียนค่าสินไหมทดแทน กับชั้นการชี้แจงข้อกล่าวหาต่อสำนักงานฯ มีข้อความขัดแย้งกันหลายประการ การที่บริษัทยังคงปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายหลังศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด โดยกล่าวอ้างว่า ผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยมิได้เป็นฝ่ายประมาท โดยไม่มีหลักฐานการโต้แย้งที่ชัดเจน และไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงไม่สามารถรับฟังได้
ประกอบกับคำสั่งนายทะเบียนที่ 66/2563 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 เรื่อง ให้ใช้คู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ คู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ หมวดการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก กำหนดให้บริษัทมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญเสีย หรือความเสียหายอย่างใดๆ ต่อบุคคลภายนอก เมื่อผู้เอาประกันภัยเกิดความรับผิดชอบตามกฎหมาย
ดังนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ผู้ขับขี่รถยนต์คันเอาประกันภัยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ตายมีส่วนประมาทแต่อย่างใด บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน จึงมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีเจตนารมณ์ในการรักษาเสถียรภาพธุรกิจประกันของไทยให้มีความมั่นคง ซึ่งต้องตั้งอยู่บนความเชื่อมั่นของประชาชน
โดยเรื่องร้องเรียนนี้มีประเด็นความขัดแย้งระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกันภัยที่บริษัทฯ ไม่อาจชี้ชัดหรือพิสูจน์ให้ชัดแจ้งได้ ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้สูญเสีย ไม่ได้รับการเยียวยาจากความขัดแย้งที่บริษัทฯ หยิบยกขึ้นมา ทั้งที่กระบวนการยุติธรรมทางอาญามีคำตัดสินบนข้อเท็จจริงอันเป็นที่สุดแล้ว เช่นนี้ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชน ต่อธุรกิจประกันวินาศภัยในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การกระทำของบริษัทฯ จึงเป็นการจงใจฝ่าฝืนข้อตกลงแห่งสัญญาประกันภัย หรือข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ที่มีความชัดเจน ให้บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย อันเป็นความผิดฐานประวิงการจ่าย ค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 36 อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
คณะกรรมการเปรียบเทียบฯ จึงมีมติให้เปรียบเทียบปรับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในอัตราโทษสูงสุดเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 1,858,400 บาท และปรับรายวัน วันละ 20,200 บาท จนกว่าจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต
“ความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมเป็นโทษปรับทางอาญา ซึ่งในเรื่องนี้สำนักงาน คปภ. ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยรับฟังพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย พร้อมส่งทีมงานลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ อย่างครบถ้วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
และเพื่อให้การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยเป็นไปอย่างถูกต้อง และเป็นธรรม ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าสำนักงานฯ จะดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ website :
www.oic.or.th” นายสุทธิพล กล่าว